ตรวจมะเร็งปากมดลูก เป็นการตรวจสุขภาพของปากมดลูกโดยนำเซลล์เนื้อเยื่อไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อดูว่าเซลล์ดังกล่าวมีความผิดปกติหรือมีโอกาสเกิดมะเร็งมากน้อยเพียงใด รวมทั้งการตรวจหาเชื้อเอชพีวี (Human Papillomavirus หรือ HPV) อันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้ ผู้หญิงอายุ 25-65 ปี ควรเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูกที่สถานพยาบาล เพื่อหาวิธีรับมือและรักษาหากตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติและป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
มะเร็งปากมดลูก คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่เกิดบริเวณปากมดลูก หรือส่วนล่างของมดลูก ที่เชื่อมต่อกับช่องคลอด
สาเหตุของมะเร็งชนิดนี้ คือการติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งติดต่อกันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าทางอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก
ทั้งนี้ อาการของโรคมะเร็งปากมดลูกที่พบได้ ประกอบด้วย
ช่องคลอดมีเลือดออก หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างมีรอบเดือน หรือขณะอยู่ในช่วงวัยทอง ตกขาวใส มีเลือดปน บางครั้งมีปริมาณมากผิดปกติ หรือมีกลิ่นเหม็น ประจำเดือนมามากหรือนานกว่าปกติ ปวดท้องน้อยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ท้องน้อยบวม ตรวจมะเร็งปากมดลูก มีกี่รูปแบบ
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มักช่วยให้ตรวจเจอเซลล์มะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งยังไม่เป็นอันตราย และง่ายต่อการรักษาโดยรูปแบบการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่พบได้ตามสถานพยาบาล ประกอบด้วย
- การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) หรือ การตรวจเซลล์วิทยาของปากมดลูก (cervical cytology) คือ การสอดอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะเข้าไปในช่องคลอด เพื่อเก็บตัวอย่างเซลล์จากพื้นผิวปากมดลูก รวมถึงบริเวณโดยรอบ แล้วนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ที่ผิดปกติ ที่ยอมรับว่าเป็นวิธีมาตรฐาน มี 2 วิธี ได้แก่ การตรวจแบบดั้งเดิม (conventional cytology หรือ Papanicolaou smear) และการตรวจแบบการป้ายเซลล์จากปากมดลูกใส่ในของเหลว (liquid-based cytology)
- การตรวจหาเชื้อเอชพีวี คือ การเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูก แล้วนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี เช่นเดียวกับการตรวจแปปสเมียร์ อย่างไรก็ตาม การตรวจหาเชื้อเอชพีวี อาจทำพร้อมกับการตรวจแปปสเมียร์ หรือทำแยกต่างหากก็ได้
ผู้ที่เข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก จะทราบผลตรวจภายใน 2-3 สัปดาห์ ซึ่งหากผลตรวจพบความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก คุณหมอมักแนะนำให้คนไข้เข้ารับการรักษาตามระยะของโรค
นอกจากนี้ ในบางกรณี คุณหมออาจขอตรวจภายในเพิ่มเติม โดยการใช้กล้องขยายช่องคลอด (Colposcopy) ส่องหาความผิดปกติบริเวณปากมดลูก และหากพบชิ้นเนื้อหรือก้อนเนื้อตำแหน่งที่สงสัยว่าผิดปกติ คุณหมอมักตัดชิ้นเนื้อไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อนำไปวินิจฉัยและหาวิธีรักษาที่เหมาะสมต่อไป
การเตรียมตัวก่อนตรวจมะเร็งปากมดลูก
ตรวจมะเร็งปากมดลูก มักตรวจในช่วงที่ไม่มีรอบเดือน ยกเว้นบางกรณีที่ร่างกายผิดปกติ เช่น เกิดเลือดไหลออกทางช่องคลอดไม่หยุด สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับการตรวจ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมดังต่อไปนี้ประมาณ 2 วันก่อนเข้ารับการตรวจ
- ทำความสะอาดช่องคลอด ด้วยการสวนล้าง
- ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
- มีเพศสัมพันธ์
- ใช้ยาคุมกำเนิดแบบครีม หรือเจล
- ใช้ยาปฏิชีวนะหรือครีมทาบริเวณช่องคลอด
กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นการตรวจมะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูก โดยสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา ได้แนะนำว่า
เริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงที่อายุ ≥ 21 ปี แต่เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงอายุน้อยกว่า 25 ปีในประเทศไทยนั้นพบได้น้อย ดังนั้นการเริ่มตรวจคัดกรองเร็วเกินไปจึงไม่จำเป็น แนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุ ≥ 25 ปี หรือถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์พิจารณาตรวจเมื่ออายุ ≥ 30 ปี ผู้หญิงอายุ 25-65 ปี ไม่ว่าได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีแล้วหรือยังไม่เคย ควรรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยวิธีแปปสเมียร์ทุก ๆ 2-3 ปี และการตรวจหาเชื้อเอชพีวีทุก ๆ 5 ปี ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 25 ปีไม่แนะนำให้ตรวจคัดกรอง ยกเว้น ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ติดเชื้อเอชไอวี มีคู่นอนหลายคน เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น ผู้หญิงซึ่งผ่าตัดนำมดลูกและปากมดลูกออกจากร่างกายแล้ว (Hysterectomy) ไม่ต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอีกต่อไป ยกเว้นการผ่าตัดดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง สำหรับผู้หญิงที่เคยผ่าตัดมดลูกเพื่อผ่าคลอดหรือรักษาโรคอื่น ๆ ยังควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกต่อไป ผู้หญิงอายุ 65 ปี ขึ้นไป ซึ่งไม่พบประวัติเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกจากการตรวจคัดกรองในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองอีกต่อไป