backup og meta

โรคเริมที่อวัยวะเพศ อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคเริมที่อวัยวะเพศ อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคเริมที่อวัยวะเพศ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และปาก ผู้ที่เป็นโรคเริมอาจรับประทานยาปฏิชีวนะหรือใช้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการ แต่ถ้าหากอาการรุนแรง เช่น เจ็บหรือปวดแผล มีไข้ ควรไปพบคุณหมอและรับการรักษาตามขั้นตอน

[embed-health-tool-bmi]

คำจำกัดความ

โรคเริมที่อวัยวะเพศ คืออะไร

โรคเริมที่อวัยวะเพศ คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) ซึ่งมี 2 ชนิด ได้แก่ HSV-1 และ HSV-2 โดยทั้ง 2 ชนิดสามารถส่งผลต่ออวัยวะเพศได้ แต่ส่วนมากโรคเริมที่อวัยวะเพศมักเกิดจากเชื้อไวรัสชนิด HSV-2 และเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ โรคเริมที่อวัยวะเพศอาจทำให้เกิดอาการปวด คัน มีแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ เป็นต้น

โรคเริมที่อวัยวะเพศพบบ่อยแค่ไหน

โรคเริมที่อวัยวะเพศสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย มักพบในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีกิจกรรมทางเพศเป็นประจำ

อาการ

อาการของโรคเริมที่อวัยวะเพศ

โรคเริมที่อวัยวะเพศอาจมีอาการดังนี้

  • ตุ่มพองเล็ก ๆ หรือตุ่มน้ำใสบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ต้นขา ก้น เป็นต้น
  • คันอวัยวะเพศ
  • มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ปวดหลัง ปวดศีรษะ มีไข้
  • ปวดหรือแสบเวลาปัสสาวะ
  • ตกขาวผิดปกติ หรือมีกลิ่น

ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัส HSV อาจจะยังไม่มีอาการปรากฏทันที แต่มักมีอาการปรากฏหลังจากได้รับเชื้อไวรัส 2-12 วัน หรือในบางกรณีอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีถึงจะแสดงอาการ หรืออาการอาจปรากฏเมื่อมีปัจจัยมากระตุ้น เช่น เครียด ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ พักผ่อนน้อย

ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด

หากมีอาการแสบร้อน คันบริเวณอวัยวะเพศ และมีไข้ หรือกังวลว่าอาจเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุ

สาเหตุของโรคเริมที่อวัยวะเพศ

โรคเริมที่อวัยวะเพศเกิดจากการติดเชื้อไวรัสไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่

  1. HSV-1 มักทำให้เกิดโรคเริมที่ปาก ส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสผิวหนัง และสามารถแพร่กระจายไปยังบริเวณอวัยวะเพศได้หากมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
  2. HSV-2 มักทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ โดยไวรัสจะแพร่กระจายจากการมีเพศสัมพันธ์และสัมผัสผิวหนัง

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของโรคเริมที่อวัยวะเพศ

ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ เช่น

  • ผู้หญิงอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากไวรัสติดต่อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์จากผู้ชายสู่ผู้หญิงได้ง่ายกว่าจากผู้หญิงสู่ผู้ชาย
  • มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
  • เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • ใช้ของร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
  • สัมผัสผิวหนัง หรือสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ เช่น น้ำลาย อสุจิ น้ำเหลือง

การวินิจฉัยและการรักษาโรค

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยโรคเริมที่อวัยวะเพศ

โรคเริมที่อวัยวะเพศอาจวินิจฉัยได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

  • การตรวจร่างกาย คุณหมอจะตรวจสอบแผลหรือตุ่มน้ำใสบริเวณอวัยวะเพศ
  • การตรวจเลือด คุณหมอจะเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อตรวจหาแอนติบอดี หรือภูมิต้านทานโรคเริม
  • การตรวจชิ้นเนื้อ คุณหมอจะขูดเนื้อเยื่อจากแผลหรือตุ่มน้ำ เพื่อตรวจหาโรค

การรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศ

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศให้หายขาด แต่วิธีรักษาดังต่อไปนี้อาจช่วยบรรเทาอาการได้

  • รับประทานยาต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ฟามซิโคลเวียร์ (Famciclovir) วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) อาจช่วยลดความเสี่ยงที่ไวรัสจะแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น
  • ยาทาภายนอก เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เพนซิโคลเวียร์ (Penciclovir) อาจช่วยลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็วขึ้น รวมถึงอาจช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
  • ใช้น้ำเกลือล้างแผล เช็ดทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศรอบนอก เพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วเช็ดให้แห้ง

ทั้งนี้ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ควรแจ้งให้คุณหมอทราบว่าเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศ คุณหมอจะได้แนะนำวิธีคลอดที่ช่วยลดความเสี่ยงที่ทารกจะติดเชื้อเริมจากแม่ในระหว่างคลอด เช่น การผ่าคลอด

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศได้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล น้ำลาย และสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า แก้วน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย

หากติดเชื้อไวรัสโรคเริมแล้ว และเพื่อไม่ให้อาการกำเริบอีกครั้งควรปฏิบัติดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • พยายามไม่เครียด
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ดื่มน้ำให้มาก ๆ
  • ใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมอ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Genital herpes. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/genital-herpes/symptoms-causes/syc-20356161. Accessed December 31, 2022.

Genital herpes. https://www.nhs.uk/conditions/genital-herpes/. Accessed December 31, 2022.

Genital Herpes Symptoms, Pictures, and Treatment. https://www.webmd.com/genital-herpes/ss/slideshow-genital-herpes. Accessed December 31, 2022.

Genital herpes. https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/sexual-and-reproductive/genital-herpes. Accessed December 31, 2022.

Genital Herpes. https://kidshealth.org/en/teens/std-herpes.html. Accessed December 31, 2022.

 

เวอร์ชันปัจจุบัน

05/04/2023

เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

อัปเดตโดย: เนตรนภา ปะวะคัง


บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หญิงรักหญิง และวิธีป้องกันโรค

โรคซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ป้องกันได้


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 05/04/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา