ควรเข้าพบคุณหมอทันทีหากมีอาการดังกล่าว เพื่อรับการวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษาอย่างรวดเร็ว ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ท่อปัสสาวะตีบตัน ติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือดและอาจลุกลามไปยังไต ที่ส่งผลให้ไตอักเสบเฉียบพลันและอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
การรักษา Dysuria
การรักษา Dysuria อาจทำได้ดังนี้
- ยาปฏิชีวนะ เช่นเซฟาเลกซิน (Cephalexin) เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) ฟอสโฟไมซิน (Fosfomycin) ไนโตรฟูแรนโทอิน (Nitrofurantoin) เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) เหมาะสำหรับผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ เพื่อช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แต่ผู้ที่มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะในรูปแบบรับประทานอาจจำเป็นต้องให้ยาผ่านทางหลอดเลือดดำ
- ยาต้านเชื้อรา เช่น ไมโคนาโซล (Miconazole) โคลไทรมาโซล (Clotrimazole) ไทโอโคนาโซล (Tioconazole) เป็นยาในรูปแบบครีม และยาเหน็บในช่องคลอด เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะปัสสาวะขัดจาดการติดเชื้อราในระบบสืบพันธุ์ เพื่อช่วยต้านเชื้อราและลดอาการคันบริเวณรอบนอกอวัยวะเพศ หรืออาจรักษาด้วยยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ที่เป็นยาในรูปแบบรับประทานซึ่งเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ที่จำเป็นต้องผ่านการอนุญาตจากคุณหมอก่อนใช้
- ยาแก้ปวด เช่น อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดต่อมลูกหมากหรือปวดอุ้งเชิงกราน
นอกจากนี้ควรรักษาสุขอนามัยอย่างถูกวิธี ด้วยการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนกับอวัยวะเพศ ถอดเปลี่ยนอุปกรณ์คุมกำเนิดให้ตรงตามกำหนด หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดและควรใช้ทิชชูซับจากด้านหน้าไปด้านหลังให้แห้งสนิท เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะปัสสาวะขัด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย