ห้อเลือด เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
ห้อเลือดเกิดได้จากหลายสาเหตุเมื่อร่างกายถูกกระแทกหรือการกระทบกระเทือนจนทำให้หลอดเลือดเสียหาย เช่น การหกล้ม อุบัติเหตุทางรถยนต์ การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา การผ่าตัด กระดูกแตกหัก การศัลยกรรม นอกจากนี้ อาจมีหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดห้อเลือดและส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ดังนี้
- อายุที่มากขึ้น อาจเกี่ยวข้องกับการทรงตัว ความแข็งแรงของร่างกายและผิว ที่อาจเสี่ยงหกล้มและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และผิวบอบบางลง หากมีการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดห้อเลือดได้
- การขาดวิตามินเคหรือวิตามินซี เนื่องจากวิตามินเคและวิตามินซีเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือดและสมานแผล ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ห้อเลือดและรอยฟกช้ำได้อีกด้วย
- ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคฮีโมฟีเลีย ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับ การติดเชื้อไวรัสขั้นรุนแรง มะเร็งเม็ดเลือดขาว อาจส่งผลให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอลง รวมทั้งสุขภาพผิวไม่แข็งแรง บอบบาง แห้งแตก เกิดรอยฟกช้ำหรือห้อเลือดได้ง่าย
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาเฮปาริน (Heparin) วาร์ฟาริน (Warfarin) ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) อาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและอาจทำให้หลอดเลือดบางลง ส่งผลให้ห้อเลือดสมานตัวช้าหรือหลอดเลือดเสียหายจากการกระทบกระเทือนได้ง่าย และอาจทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำหรืออ่อนแอลงได้เช่นกัน
อาการห้อเลือดที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือเกิดบาดแผลทั้งภายนอกและภายใน โดยอาจส่งผลให้ผิวมีอาการเหล่านี้
- ผิวเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง สีน้ำเงิน สีดำ หรือสีแดง
- เกิดอาการอักเสบ บวมแดง
- เจ็บปวดและไวต่อการสัมผัส
- ผิวบริเวณที่เป็นห้อเลือดอาจมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณอื่น
วิธีดูแลผิวเมื่อเป็นห้อเลือด
ในบางกรณีหากอาการห้อเลือดไม่รุนแรงอาจไม่จำเป็นต้องรักษา เพราะเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายอาจค่อย ๆ สมานแผลด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม การดูแลอาการห้อเลือดที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนังอาจทำได้ ดังนี้
- หยุดพักการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงในบริเวณที่มีอาการห้อเลือด เช่น การวิ่ง การออกแรงยกของ
- ยกแขนหรือเท้าที่มีห้อเลือดขึ้นเหนือระดับหัวใจ เพื่อลดอาการบวม
- ประคบเย็นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มห่อน้ำแข็งและประคบในบริเวณที่มีอาการห้อเลือด เพื่อลดอาการปวดและบวม เป็นเวลา 10-15 นาทีวันละหลาย ๆ ครั้ง
- พันผ้าก๊อซหรือใส่เฝือกเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนซ้ำบริเวณที่เป็นห้อเลือดและลดอาการบวม
- รับประทานยาตามคุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อบรรเทาอาการปวดและบวม
- ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแอสไพริน เนื่องจากยาอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทำให้อาการห้อเลือดหายช้าลง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย