ผิวแห้ง คือ ภาวะที่ผิวไม่สามารถรักษาระดับความชุ่มชื้นตามปกติไว้ได้ โดยปกติแล้ว ผิวชั้นบนจะประกอบไปด้วยน้ำประมาณ 10-30% ซึ่งเป็นระดับความชุ่มชื้นที่ถือว่าปกติ และแสดงออกด้วยอาการหลาย ๆ อย่าง เช่น สภาพผิวที่ดูแห้งและกระด้าง ขาดความยืดหยุ่น ดังนั้น พื้นฐานการดูแลสุขภาพผิวแห้ง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
[embed-health-tool-bmr]
ผิวแห้ง คืออะไร
ผิวแห้ง คือ ภาวะที่ผิวไม่สามารถรักษาระดับความชุ่มชื้นตามปกติไว้ได้ โดยปกติแล้ว ผิวชั้นบนจะประกอบไปด้วยน้ำประมาณ 10-30% ซึ่งเป็นระดับความชุ่มชื้นที่ถือว่าปกติ และแสดงออกด้วยอาการหลาย ๆ อย่าง เช่น สภาพผิวที่ดูแห้งและกระด้าง ขาดความยืดหยุ่น มีความรู้สึกตึง คัน เป็นขุย ลอก หรือถึงขั้นแตก ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ พันธุกรรม ความเสียหายจากแสงแดด สภาวะแวดล้อม ภูมิอากาศ สุขภาพ หรือจากหลาย ๆ ปัจจัยเหล่านี้ผสมกัน และแม้แต่คนที่มีผิวมันโดยธรรมชาติ ก็อาจเกิดภาวะผิวแห้งได้เป็นครั้งคราว จากเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวนี้
ผิวแห้งอาจเกิดขึ้นที่ส่วนใดก็ได้ของร่างกาย ปกติแล้วมักจะพบบนใบหน้า มือ แขน และขา โดยทั่วไปแล้ว การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการใช้มอยสเจอไรเซอร์ที่มีขายตามร้านทั่วไปอาจช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ แต่หากไม่สามารถจัดการได้ แสดงว่าอาจมีปัญหาสุขภาพหรือโรคบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและรักษา
พื้นฐานการดูแลสุขภาพผิวแห้ง
ระวังอุณหภูมิของน้ำ
ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองร้อน แต่การอาบน้ำอุ่นก็อาจทำให้รู้สึกดีได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ และในช่วงที่อากาศเย็น หลายคนก็อาจหันมาอาบน้ำอุ่นมากขึ้น นอกจากอากาศในห้องแอร์ที่ค่อนข้างแห้ง ซึ่งไม่ดีต่อผิวแล้ว น้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป ก็ไม่ดีต่อผิวเช่นกัน ทั้ง 2 ปัจจัยอาจทำให้ผิวแห้งลงได้ จึงควรอาบน้ำที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป และไม่ควรอาบน้ำอุ่นนานเกิน 5-10 นาที
ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
ควรทำความสะอาดร่างกายด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสบู่น้อย หรือใช้สบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมในปริมาณมาก นอกจากนี้ สารเติมแต่งในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย และผลิตภัณฑ์ลดการขับเหงื่อ (Antiperspirant) อาจทำร้ายสุขภาพผิวได้ ดังนั้น อาจลองใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีเซราไมด์ (Ceramides) ซึ่งเป็นโมเลกุลไขมันที่จะช่วยทำให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นไว้ โดยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางผลิตภัณฑ์ใช้เซราไมด์สังเคราะห์เพื่อแทนที่เซราไมด์ธรรมชาติที่จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนี้ ไม่ควรขัดผิวมากหรือแรงเกินไป เพราะอาจระคายเคืองผิวได้
กำจัดขน อาจส่งผลต่อผิว
สถาบันโรคผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า เวลาที่ดีที่สุดในการกำจัดขน คือ หลังอาบน้ำ เนื่องจาก ขนจะมีลักษณะนุ่มและยืดหยุ่นกว่าหลังอาบน้ำ ทำให้การกำจัดขนง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การกำจัดขนอาจทำให้ผิวแห้งเกิดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ การกำจัดขนอาจกำจัดน้ำมันธรรมชาติออกไปด้วย
ดังนั้น จึงควรใช้ครีมหรือเจลกำจัดขน รวมถึงกำจัดขนในทิศทางที่ขนขึ้นเพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว ทั้งยังควรตรวจสอบความคมของใบมีดโกน เนื่องจาก ใบมีดโกนที่ทู่จะระคายเคืองผิว และก่อนใช้ใบมีดโกนควรทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค
ปกป้องผิวทุก ๆ วัน
แสงอาทิตย์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้ง เกิดริ้วรอย และผิวหยาบกร้าน ดังนั้น อาจป้องกันผิวได้ด้วยการทาครีมกันแดดเสมอ นอกจากนี้ หากเป็นฤดูหนาวอาจสวมเสื้อผ้าหนา ๆ เนื่องจาก อากาศที่แห้งอาจระคายเคืองผิวได้ และอาจทำให้อาการผิวแห้งแย่ลง หากริมฝีปากแห้งควรใช้ลิปมันที่มีส่วนผสมของสารกันแดด รวมถึงใช้ผ้าพันคอและหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งในช่วงหน้าหนาว
นอกจากนี้ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าเพื่อกันแดด รวมถึงอาจใช้ครีมกันแดดที่มีมอยส์เจอไรเซอร์ในรูปแบบเนื้อครีม เจล ขี้ผึ้ง หรือแบบเสปรย์ โดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ครีมกันแดดที่เป็นเนื้อครีมจะเหมาะกับผิวแห้งมากกว่าครีมกันแดดประเภทอื่น
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้น
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแห้งที่หาได้ง่ายที่สุด คือ ปิโตรเลียมเจลลี่ นอกจากนี้ ส่วนประกอบที่พบบ่อยในผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ได้แก่ เชียบัตเตอร์ เซราไมด์ (Ceramides) กรดสเตียริก (Stearic Acid) หรือกลีเซอริน โดยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอาจช่วยเติมเต็มเกราะป้องกันผิวได้