backup og meta

ผิวขาดน้ำ หรือผิวแห้งสามารถสังเกตได้อย่างไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 14/04/2022

    ผิวขาดน้ำ หรือผิวแห้งสามารถสังเกตได้อย่างไร

    การดูแลสุขภาพผิวถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดี แต่ในบางคน ผิวอาจลอก เป็นขุย ดูไม่สดใส ทั้งยังอาจทำให้เสียความมั่นใจ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ปัญหาผิวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะ ผิวขาดน้ำ หรือผิวแห้ง ดังนั้น การรู้ถึงความแตกต่างระหว่างผิวขาดน้ำกับผิวแห้งอาจช่วยให้บำรุงผิวได้อย่างถูกต้อง

    ผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง คืออะไร

    ผิวขาดน้ำ คือ ภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้นหรือน้ำในผิวหนังชั้นบนสุดหรือชั้นขี้ไคล (Stratum Corneum) เป็นปัญหาผิวหนังที่อาจเกิดได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวปกติ ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวมันโดยเฉพาะในผู้ที่ผิวมันมากหรือเป็นสิว หากปล่อยให้ผิวขาดน้ำก็อาจทำให้ผิวแย่มากขึ้น

    ส่วน ผิวแห้ง คือ สภาพผิวที่ขาดซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันตามธรรมชาติของผิว เนื่องจาก ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตซีบัมออกมาไม่เพียงพอ จึงทำให้ผิวแห้งตึง บางครั้งอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) หรือภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ส่วนใหญ่ผู้ที่มีผิวแห้งจะมีรูขุมขนเล็ก เนื่องจาก ไม่ค่อยมีน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิว รูขุมขนจึงไม่ขยายกว้างเหมือนผู้ที่มีผิวมัน

    อาการของผิวขาดน้ำ

    ผิวหนังชั้นบนสุดมีเซลล์คีราติโนไซต์ (Keratinocytes) เป็นองค์ประกอบหลัก ทำหน้าที่ในการผลิตสารโปรตีนไม่ละลายน้ำที่เรียกว่า เคราติน (Keratin) ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกัน ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิว แต่เมื่อผิวขาดน้ำ คีราติโนไซต์ก็ไม่สามารถผลิตเคราตินเพื่อมาปกป้องผิวได้ ผิวจึงสูญเสียความชุ่มชื้น สารระคายเคืองต่าง ๆ เข้าสู่ผิวชั้นหนังกำพร้าได้ง่าย จนอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ดังนี้

    • ผิวระคายเคือง คัน อักเสบ แสบแดง หรือแพ้ง่าย
    • รู้สึกได้ว่าผิวหย่อนยาน ไม่สดใส
    • ผิวขรุขระไม่เรียบเนียน
    • เกิดปัญหาสิวเห่อ
    • ใต้ตาดำคล้ำ
    • ผิวทั้งแห้งทั้งมันในเวลาเดียวกัน
    • มีปัญหาผิวลอกแตก บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นเลือดออก
    • ผิวมีริ้วรอยร่องตื้น

    สาเหตุของผิวขาดน้ำ

    สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำอาจมีดังนี้

    • สภาพแวดล้อม

    อากาศและมลภาวะที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ไม่ว่าจะภายในหรือนอกอาคาร เช่น อากาศแห้ง แสงแดด อากาศจากเครื่องปรับอากาศ ควันเสียจากรถยนต์ อาจดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว และทำให้ผิขาดน้ำได้

  • ไลฟ์สไตล์

  • การใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวขาดน้ำ นอกจากนี้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม รวมไปถึงผู้ที่นอนหลับพักผ่อนน้อย ก็อาจยิ่งทำให้ผิวขาดน้ำได้เช่นกัน

    วิธีทดสอบผิวขาดน้ำ

    วิธีทดสอบระดับความชุ่มชื้นของผิวเบื้องต้นอาจทำได้ด้วยการหยิกที่หลังมือ หรือที่แก้มเบา ๆ หากผิวชุ่มชื้น ผิวจะยืดหยุ่นและคืนตัวทันทีหลังปล่อยมือ แต่หากปล่อยมือแล้วผิวยังคงรูปเดิมเหมือนตอนโดนหยิก ผ่านไป 2-3 วินาทีจึงค่อยคืนตัวอย่างช้า ๆ แสดงว่าผิวอาจกำลังขาดน้ำ

    วิธีบำรุงผิวขาดน้ำ

    ผิวขาดน้ำอาจบำรุงและฟื้นฟูได้ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์ ด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแทนการเพิ่มน้ำมันในผิว ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุด คือ การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยทั่วไป คือ 8-10 แก้ว/วัน นอกจากนี้อาจบำรุงผิวด้วยวิธีเหล่านี้

    • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้สบู่และใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว หรือมีสารสกัดธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ ถั่วเหลือง
    • ลดหรืองดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (Caffeine)
    • เลิกสูบบุหรี่
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยขณะออกกำลังกายควรดื่มน้ำทุก 20 นาที
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    • กินผักผลไม้ให้มากขึ้น

    หากลองปรับพฤติกรรมแล้วปัญหาผิวยังไม่ดีขึ้น นั่นอาจแปลว่าผิวไม่ได้ขาดน้ำแต่เป็นผิวแห้ง ดังนั้น ควรปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและรับคำแนะนำเรื่องการดูแลผิวและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 14/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา