ยาฮอร์โมนรักษาสิว คือยาที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน หนึ่งในปัจจัยที่อาจกระตุ้นการเกิดสิว โดยอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สารยับยั้งการสังเคราะห์แอนโดรเจน กับ สารต้านการทำงานของตัวรับแอนโดรเจน ซึ่งแต่ละชนิดก็อาจมีจุดประสงค์ในการใช้และผลข้างเคียงที่ต่างกัน ดังนั้น จึงควรศึกษาการทำงานของยาฮอร์โมนรักษาสิว และปรึกษาคุณหมอทุกครั้งก่อนเลือกใช้ยาใด ๆ
[embed-health-tool-bmi]
ยาฮอร์โมนรักษาสิว ทำงานอย่างไร
มีหลักฐานจำนวนมากที่บ่งชี้ว่าฮอร์โมนเพศมีบทบาทในการกระตุ้นให้เกิดสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่มีฮอร์โมนเพศชายหรือแอนโดรเจนเกิน แอนโดรเจนจะกระตุ้นต่อมไขมันในผิวหนังให้ผลิตไขมัน และทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนจึงเกิดสิวอุดตันและเกิดการอักเสบตามมา การที่สิวตอบสนองต่อยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานและกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชายเป็นหลักฐานที่สำคัญในทางคลินิกที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของฮอร์โมนในการรักษาสิว นอกจากนี้ยังพบว่า ฮอร์โมนยังมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวในผู้หญิงแม้จะมีระดับแอนโดรเจนปกติ
หลักในการพิจารณาการใช้ยาฮอร์โมนรักษาสิว
โดยทั่วไปพิจารณาใช้ในผู้ป่วยกลุ่มต่อไปนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีฮอร์โมนเพศชายเกิน ผู้ที่เป็นสิวในช่วงอายุมากกว่า 25 ปี หรือที่เรียกว่าสิววัยผู้ใหญ่ มีการกระจายของสิวเด่นบริเวณกราม สิวที่มาพร้อมกับการมีประจำเดือน สิวอุดตันที่มีภาวะต่อมไขมันทำงานเกินร่วมด้วยและสิวที่ดื้อต่อการรักษาแบบดั้งเดิม หรือการรักษาแบบดั้งเดิมใช้ไม่ได้ผล เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรมีการวางแผนครอบครัวก่อนที่จะเริ่มการรักษาด้วยฮอร์โมนเสมอ เนื่องจากผู้ป่วยจะต้องรับประทานฮอร์โมนเป็นระยะเวลาติดต่อกันค่อนข้างนาน อย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือนจึงจะเห็นผลการรักษา ซึ่งจะมีผลให้มีการเว้นระยะของการมีบุตร และควรมีการประเมินเกี่ยวกับโรคของต่อมไร้ท่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยสิวมีอาการที่ส่อว่ามีระดับฮอร์โมนเพศชายสูงร่วมด้วย เช่น ขนดกและเกิดผิดที่ มีภาวะผมบางตามกรรมพันธุ์ มีลักษณะเพศชายเด่น มีภาวะอ้วนลงพุง ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ เป็นหมัน เป็นสิวรุนแรงฉับพลัน หรือเป็นสิวที่ไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม เป็นต้น
ประเภทของฮอร์โมนรักษาสิว
ฮอร์โมนที่ใช้ในการรักษาสิวสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. สารยับยั้งการสังเคราะห์แอนโดรเจน
สารยับยั้งการสังเคราะห์แอนโดรเจน ได้แก่ อนุพันธุ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดในการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน คือ โอกาสในการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ส่วนผลข้างเคียงที่พบบ่อยอื่นๆ ได้แก่ อาการปวดศีรษะ ความผิดปกติของรอบประจำเดือน น้ำหนักขึ้น และการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ นอกจากนี้ ยังมีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน คือ อาการซึมเศร้า การเกิดถุงน้ำในรังไข่ และ มะเร็งเต้านม จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงก่อนเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานในการรักษาสิวเสมอ
2. สารต้านการทำงานของตัวรับแอนโดรเจน
โดยยาในกลุ่มนี้ที่นิยมใช้บ่อยที่สุดทางคลินิก คือ สไปโรโนแลกโตน (Spironolactone) ผลข้างเคียงที่สำคัญของสไปโรโนแลกโตน คือ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กดเจ็บบริเวณเต้านม ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะลดลงเมื่อใช้ร่วมกับยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังคือ อาจทำให้มีโพแทสเซียมสูงซึ่งจะต้องคอยติดตามและตรวจสอบเป็นระยะและความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดในทารกเพศชาย ด้วยเหตุนี้จึงควรใช้ยาคุมกำเนิดร่วมกับยาสไปโรโนแลกโตน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เสมอ และการใช้ยานี้ควรอยู่ในการกำกับดูแลของแพทย์
แนวทางการพิจารณาใช้ยาฮอร์โมนรักษาสิว
การใช้ยาปฏิชีวนะ ฮอร์โมน และอนุพันธ์กรดวิตามินเอ ถือเป็นแนวทางหลักของการรักษาสิวที่มีความรุนแรงระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้หญิง การพิจารณาว่าจะเริ่มรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะหรือฮอร์โมนนั้นขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ประวัติการล้มเหลวหรือตอบสนองต่อการรักษาคราวก่อนๆ ความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากยา การมีภาวะแอนโดรเจนเกิน รวมทั้ง ความต้องการที่จะคุมกำเนิดของผู้ป่วย เป็นต้น ดังนั้น ก่อนเริ่มการรักษาสิวด้วยยาฮอร์โมนจึงควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด