ทำอย่างไรเมื่อเป็นสิวในหู
หากสิวในหูไม่ได้ทำให้รู้สึกปวดมาก ควรปล่อยให้หายไปเอง หลีกเลี่ยงการนำเครื่องมือใด ๆ รวมถึงมือของตัวเอง เข้าไปแคะหรือกดสิวในหู เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการอักเสบได้ นอกจากนี้การทำให้สิวในหูแตก อาจทำให้หนองจากสิวและแบคทีเรียถูกผลักเข้าไปในหูชั้นใน และอาจเกิดอาการอักเสบหรือติดเชื้อขึ้นมาได้ แต่หากจำเป็นต้องกดสิวในหูจริง ๆ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้แพทย์กดสิวออกให้เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีวิธีช่วยเยียวยาสิวในหูให้ดีขึ้น ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
จะช่วยลดอาการอักเสบ ระคายเคือง และเปิดรูขุมขน ทำให้สิวแตกออกมาได้เอง หากรักษาสิวในหูด้วยวิธีนี้ ต้องทำความสะอาดบริเวณสิว และสารคัดหลั่งที่ไหลออกมาจากสิวให้สะอาดหมดจด ด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ หรือเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์
-
ใช้เรตินอยด์รักษา สิวในหู
เรตินอยด์เป็นสารในกลุ่มวิตามินเอ ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวบริเวณรอบ ๆ สิว แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอยด์ก็อาจทำให้ผิวแห้งหรือลอกได้ ทั้งยังอาจทำให้ผิวบางลง และไวต่อแสงแดดมากขึ้นด้วย จึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ หากผิวไม่สามารถทนต่อเรตินอยด์ได้ การใช้กรดซาลิไซลิก ซึ่งมีคุณสมบัติในการขัดลอกเซลล์ผิวเหมือนกัน แต่รุนแรงต่อผิวน้อยกว่า อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
-
ใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide)
ส่วนผสมชนิดนี้พบได้ในผลิตภัณฑ์รักษาสิวจำนวนมาก ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes ที่ทำให้เกิดสิว และยังช่วยในการสลายสิ่งที่อุดตันในรูขุมขนด้วย ควรใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้นระหว่าง 2.5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงกว่านี้ ไม่ได้ช่วยให้รักษาสิวได้ดีขึ้น แต่อาจทำให้ผิวลอก แดง หรือบวมได้
เนื่องจากน้ำมันทีทรีออยล์ 5 เปอร์เซ็นต์ มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ แม้ว่าจะเห็นผลได้ช้ากว่า แต่ข้อดีในการใช้น้ำมันทีทรีคือเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิวน้อยกว่า
บางครั้ง แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะชนิดทา เช่น ยาอิริโธรมัยซิน (erythromycin) คลินด้ามัยซิน (clindamycin) ให้ใช้ร่วมกับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ เพราะการใช้เพียงอย่างชนิดเดียวอาจไม่ได้ผลในการรักษาปัญหาสิวในหู อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษากับแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ยาเสมอ
วิธีป้องกันสิวในหู
สิวในหู ป้องกันได้ด้วยการดูแลรักษาสุขอนามัยของหูให้สะอาดอยู่เสมอ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ควรล้างและทำความสะอาดหูเป็นประจำเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและควบคุมความมัน
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในสถานที่ที่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค
- หยุดพักจากการสวมหมวกนิรภัย
- หมั่นทำความสะอาดหูฟังทั้งชนิดครอบหูหรือแบบเสียบเข้าไปในรูหู
- หากสิวในหูไม่หายไปเอง หรือเป็นซ้ำบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อช่วยระบุระดับความรุนแรงของสิว และแนะนำการใช้ยาหรือวิธีการรักษาที่เหมาะสม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย