โดยปกติ โรคเซ็บเดิร์มอาจส่งสัญญาณเตือนและทำให้สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น อาการคัน ผิวหนังเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ผิวหนังลอก และคราบไขมันบริเวณหนังศีรษะ ใบหน้า ผม หนวด รักแร้ เปลือกตา หากเริ่มมีอาการดังกล่าว ควรเข้ารับการวินิจฉัยจากคุณหมอ เพื่อตรวจผิวหนังและร่างกายอย่างละเอียด
การวินิจฉัยโรคเซ็บเดิร์ม ก่อนเริ่มรักษา
เมื่อเข้ารับการวินิจฉัย คุณหมออาจเริ่มจากการขูด หรือนำชิ้นส่วนของเซลล์ผิวหนังไปตรวจ เพื่อหาสาเหตุหรือเปรียบเทียบลักษณะว่าคล้ายกับโรคผิวหนังชนิดใดบ้าง พร้อมสอบถามอาการอื่น ๆ ที่เป็นร่วมด้วย ก่อนประเมินวิธีรักษาที่เหมาะสม
ยารักษาโรคเซ็บเดิร์ม ที่คุณหมอแนะนำ
แม้โรคเซ็บเดิร์มจะเป็นโรคผิวหนังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่อาจใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการของโรคให้ดีขั้นตามลำดับแทน โดยยาที่คุณหมอแนะนำให้ใช้บรรเทาอาการ และยับยั้งความรุนแรงของอาการคัน และผดผื่น มีดังนี้
- ยาต้านเชื้อราในรูปแบบเม็ด
- ยาทาชนิดครีมต้านเชื้อรา เช่น พิเมโครลิมัส (Pimecrolimus) ยาทาโครลิมัส (Tacrolimus) คีโทโคนาโซล (Ketoconazole)
- ยาคอร์ติโคสสเตียรอยด์ เช่น ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) ฟลูโอซิโนโลน (Fluocinolone)
- ครีม หรือขี้ผึ้งที่ลดการอักเสบ เช่น ฟลูโอซิโนโลน (Fluocinolone) โคลเบทาซอล (Clobetasol) ซีลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium Sulfide)
การใช้ยาควรใช้ต่อเนื่องเป็นประจำตามใบสั่งยา และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ยา ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ด้วยการรักษาสุขอนามัยบริเวณผิวหนังที่มีผื่นแดงขึ้นด้วยการทำความสะอาดอย่างเบามือ ทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ อ่อนโยนต่อผิวหนัง ไร้สารเคมี พร้อมสวมใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ ไม่เสียดสีกับผิวหนัง เพราะอาจทำให้ผิวหนังอักเสบกว่าเดิมได้ หากมีข้อสงสัย ควรสอบถามคุณหมอ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือรักษาอาการด้วยตนเองเพราะอาจทำให้อาการที่เป็นอยู่กำเริบและรุนแรงขึ้นได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย