ผดร้อน หรือผื่นคันหน้าร้อน เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่มีสาเหตุมาจากต่อมเหงื่ออุดตัน ทำให้เหงื่อถูกกักอยู่ใต้ผิวหนังไม่สามารถระบายออกมาข้างนอกได้ จึงเกิดการอักเสบและเกิดเป็นผด มักเกิดบริเวณลำคอ ไหล่ หน้าอก บริเวณรอยพับผิวหนัง โดยสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย แม้ผดร้อนจะเป็นปัญหาผิวหนังที่ไม่อันตราย แต่อาจส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตได้ ดังนั้น วิธีรักษาปัญหาผดร้อน อาจช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นได้
ผดร้อน คืออะไร
ผดร้อน (Miliaria) เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่มีสาเหตุมาจากต่อมเหงื่ออุดตัน ทำให้เหงื่อถูกกักอยู่ใต้ผิวหนังไม่สามารถระบายออกมาข้างนอกได้ จึงเกิดการอักเสบและเกิดเป็นผด มักเกิดบริเวณลำคอ ไหล่ หน้าอก บริเวณรอยพับผิวหนัง เช่น รักแร้ รวมไปถึงบริเวณที่เสื้อผ้าเสียดสีกับผิวหนังเป็นประจำ โดยผดร้อนอาจพบได้บ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็ก เนื่องจาก ต่อมเหงื่อยังพัฒนาไม่เต็มที่ ผิวหนังไม่คุ้นชินกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่คนวัยอื่นก็สามารถเป็นผดร้อนได้เช่นกัน
อาการของผดร้อน
อาการทั่วไปของผดร้อนอาจมีดังนี้
- มีตุ่มแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามผิวหนัง
- รู้สึกคัน หรือเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ผิวหนัง
- ผิวหนังเป็นตุ่มแดง หรือบวมแดง
สาเหตุของผดร้อน
ผดร้อนเกิดจากต่อมเหงื่ออุดตันจนอักเสบและเป็นผด โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้รูขุมขนอุดตันอาจมีดังนี้
- อากาศร้อนชื้น
- การออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- ร่างกายร้อนจัดจนเหงื่อออกมาก เพราะใส่เสื้อผ้าหนาเกินไป หรือห่มผ้าห่มหนาเกินไป
- นอนอยู่บนเตียงหรือที่นอนนานเกินไป เช่น นอนพักฟื้น โดยเฉพาะผู้ที่มีไข้หรือตัวร้อน
- ใส่เสื้อผ้าที่รัด หรือคับเกินไป จนผ้าเสียดสีกับผิวหนังตลอดเวลา
- ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวที่เนื้อมากเกินไป จนทำให้ต่อมเหงื่ออุดตัน
โดยผู้ที่เสี่ยงที่จะเป็นผดร้อน ได้แก่ เด็กแรกเกิด เด็กทารก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน เพราะมักมีบริเวณที่ผิวหนังพับหรือทับกัน เช่น ใต้ราวนม หน้าท้องหรือพุง
วิธีป้องกันผดร้อน
หากต้องการป้องกันการเกิดผดร้อน อาจทำได้ดังนี้
- แต่งตัวตามสภาพอากาศ อาจเป็นหนึ่งในวิธีรักษาปัญหาผดร้อน โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน หรือช่วงที่อากาศร้อนจัด ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่หนาเกินไป เช่น เสื้อกันหนาวไหมพรม เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์เนื้อหนา ควรหันมาใส่เสื้อผ้าตัวหลวมที่เนื้อผ้าเบา สบาย ระบายอากาศได้ดี เช่น เสื้อผ้าคอตตอน หรือผ้าฝ้าย
- ไม่ใส่เสื้อผ้ารัด หรือคับจนเกินไป เช่น สกินนี่ยีนส์ เลกกิ้ง เพราะอาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง และต่อมเหงื่ออุดตันได้
- หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงที่อากาศร้อนจัด เพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อออกมากเกินไป ควรอยู่ในที่ร่ม อากาศเย็น หากไม่มีเครื่องปรับอากาศ ควรเปิดพัดลมเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น
- นอนหลับในที่ ๆ อากาศเย็นและอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ห่มผ้าห่มที่หนาเกินไป
- อาบน้ำเย็นและใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำที่อ่อนโยน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง และซับเบา ๆ หรือปล่อยให้ผิวแห้งเองตามธรรมชาติ
- ไม่ใช้ครีมทาผิวที่ผสมปิโตรเลียม หรือมิเนอรัล ออยล์ เพื่อป้องกันรูขุมขนและต่อมเหงื่ออุดตัน
- ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพื่อให้ร่างกายและผิวหนังชุ่มชื้น และป้องกันภาวะขาดน้ำ
วิธีรักษาผดร้อน
ส่วนใหญ่แล้ว ผดร้อนอาจหายได้เองภายในเวลา 2-3 วัน แต่อาจช่วยให้ผดร้อนหายเร็วขึ้นได้ ด้วยวิธีเหล่านี้
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นบิดหมาด หรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบเย็นในบริเวณที่เป็นผดร้อน โดยต้องไม่ประคบนานเกิน 20 นาที
- ไม่ฉีดน้ำหอมในบริเวณที่เป็นผดร้อน
- ห้ามเกาผดร้อนโดยเด็ดขาด
- ทาครีม หรือรับประทานยา ตามคำแนะนำของคุณหมอหรือเภสัชกร
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
- ผดร้อนไม่หายไปภายใน 3-4 วัน หรืออาการแย่ลง
- บริเวณที่เป็นผดร้อนเริ่มติดเชื้อ
- ผดร้อนมีสีแดงจัด หรือเริ่มแตก
- มีผดร้อนหลังจากคุณเริ่มรับประทานยาปฏิชีวนะ หรือยาตัวใหม่
- มีไข้หรือตัวร้อน โดยเฉพาะหากเป็นเด็กทารก หรือเด็กเล็ก ควรรีบปรึกษาคุณหมอทันที
[embed-health-tool-heart-rate]