การวินิจฉัยไขมันพอกตับ
หากคุณหมอสงสัยว่ามีภาวะไขมันพอกตับ คุณหมอจะตรวจวินิจฉัยโรคไขมันพอกตับ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
คุณหมออาจพบว่าเอนไซม์ในตับมีค่าสูงกว่าปกติ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นโรคไขมันพอกตับ การวิเคราะห์ในลำดับต่อไปเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหาสาเหตุของอาการตับอักเสบ
ไขมันที่ตับจะมองเห็นเป็นสีขาวในภาพอัลตราซาวด์ อาจมีการตรวจประเภทอื่น เช่น ซีทีสแกน เอ็มอาร์ไอ ซึ่งช่วยในการตรวจจับไขมันในตับเท่านั้น แต่ไม่สามารถช่วยให้คุณหมอยืนยันความเสียหายในอนาคตได้
- การตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อตับ
ในการตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อตับ คุณหมอจะสอดเข็มไปที่ตับเพื่อนำเนื้อเยื่อออกมาตรวจ และใช้ยาชาเพื่อให้อาการปวดลดลง ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ทราบอย่างแน่ชัดว่ามีไขมันพอกตับหรือไม่ อีกทั้ง การตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อตับยังช่วยให้คุณหมอระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ด้วย
การรักษาไขมันพอกตับ
ยังไม่มียาหรือการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคไขมันพอกตับโดยเฉพาะ แต่คุณหมอจะให้ข้อแนะนำเพื่อลดความเสี่ยง ได้แก่
- จำกัดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
- ลดน้ำหนัก
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
หากเป็นไขมันพอกตับเนื่องจากโรคอ้วน หรือนิสัยการรับประทานที่ไม่ดีต่อสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้เพิ่มการออกกำลังกาย และงดอาหารบางประเภท การลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน สามารถช่วยให้ลดน้ำหนักและรักษาตับได้
การลดหรืองดอาหารที่มีไขมัน และอาหารที่มีน้ำตาลสูง เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น เช่น ผลไม้สด ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด และบริโภคโปรตีนไขมันต่ำจากไก่และปลา แทนเนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ก็อาจช่วยรักษาไขมันพอกตับได้เช่นกัน
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อจัดการภาวะไขมันพอกตับ
ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด หากมีภาวะโรค เช่น เบาหวาน คอเลสเตอรอลสูง ควรใช้ยาตามคุณหมอสั่งจ่าย นอกจากนี้ ควรเพิ่มการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง เพื่อรักษาน้ำหนักที่เหมาะสม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย