เบาหวาน คัน ช่องคลอด เป็นหนึ่งในอาการที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ที่อาจส่งผลให้เชื้อราในช่องคลอดเจริญเติบโตได้ดีขึ้น นำไปสู่การติดเชื้อราในช่องคลอด และทำให้เกิดอาการคันช่องคลอด ตกขาว และมีอาการแสบระหว่างปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ หากสังเกตพบอาการเหล่านี้ ควรพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-ovulation]
เบาหวาน กับอาการ คัน ช่องคลอด เกี่ยวข้องกันอย่างไร
อาการคันช่องคลอด ในผู้ป่วยเบาหวาน มักจะเกิดจากการติดเชื้อรา โดยปกติผู้หญิงจะติดเชื้อราในช่องคลอดอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต โดยเกิดจากการติดเชื้อราที่เรียกว่า “เชื้อราแคนดิดา” (Candida) หรือ “ยีสต์” ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในช่องคลอดได้มากกว่าคนทั่วไป
ผลการวิจัยในปี 2556 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อราในช่องคลอดกับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 พบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ในผู้หญิงและเด็กที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมีภาวะติดเชื้อราในช่องคลอดมากกว่าคนปกติทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้มากกว่า เนื่องจากมีระดับไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งเป็นโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่ร่างกายใช้ในการเก็บน้ำตาลกลูโคสในช่องคลอดมากกว่าปกติ เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง ความเป็นกรดในช่องคลอดก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เชื้อราเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นการติดเชื้อ
เบาหวาน คัน ช่องคลอด ป้องกันได้อย่างไร
นอกจากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานยังสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเชื้อราในช่องคลอดได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดรูป
- สวมชุดชั้นในผ้าฝ้าย
- หลังการออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ ควรถอดชุดออกและทำความสะอาดร่างกายทันที
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน หรือแช่ในอ่างน้ำร้อน
- หลีกเลี่ยงการสวนล้าง หรือใช้สเปรย์ฉีดบริเวณช่องคลอด
- หากเป็นประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยที่มีกลิ่นหอม
วิธีการรักษาเมื่อติดเชื้อราในช่องคลอด
วิธีการรักษาเชื้อราในช่องคลอดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นวิธีการรักษาเช่นเดียวกับผู้ป่วยภาวะติดเชื้อราในช่องคลอดทั่วไป แพทย์อาจจ่ายครีมทาบริเวณช่องคลอด หรือยาเหน็บให้ใช้เป็นเวลา 1-7 วัน เช่น ยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ที่มีสรรพคุณป้องกันและรักษาการติดเชื้อรา แต่มีข้อห้ามคือ ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์ ฉะนั้นทางที่ดี คุณควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนตัดสินใจใช้ยารักษาการติดเชื้อราในช่องคลอด