ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นอาการที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเติบโตภายนอกมดลูก และยังสลายตัวหลายเป็นเลือดในระหว่างมีประจำเดือน แต่ถูกกักไว้ทำให้เกิดอาการอักเสบภายใน ส่งผลให้มีอาการปวดอุ้งเชิงกรานในช่วงมีประจำเดือน มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดหลัง อ่อนเพลีย และอาจส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ดังนั้น จึงควรพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาในทันที
[embed-health-tool-ovulation]
คำจำกัดความ
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คืออะไร
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะที่สามารถมีได้ เมื่ออยู่ในช่วงที่สามารถมีบุตรได้ หากมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้อเยื่อที่ปกติจะอยู่ในมดลูก จะไปเติบโตภายนอกมดลูก และเข้าไปยังท่อนำไข่ เยื่อบุมดลูกที่อยู่ผิดที่นี้ยังคงทำหน้าที่เหมือนเนื้อเยื่อมดลูกปกติ ซึ่งจะสลายตัวและกลายเป็นเลือดในระหว่างที่มีประจำเดือน
อย่างไรก็ดี เนื่องจากเนื้อเยื่อดังกล่าวเจริญเติบโตนอกมดลูก เลือดจึงไม่สามารถไหลออกจากร่างกาย และถูกกักไว้ ก่อให้เกิดอาการเลือดออกภายในและอาการอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมาอีกหลายประการ
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มักเกี่ยวข้องกับท่อนำไข่ รังไข่ ลำไส้ หรือเนื้อเยื่อบริเวณเชิงกราน เนื้อเยื่อโดยรอบอาจมีอาการระคายเคือง และมีอาการปวด ก่อให้เกิดเนื้อเยื่อแผลเป็นหรือถุงน้ำ ที่ส่งผลให้ตั้งครรภ์ได้ยาก
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พบได้บ่อยเพียงใด
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มักพบได้มากในผู้หญิงในช่วงอายุ 30 และ 40 แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยในทุกช่วงอายุ สามารถรับมือได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการ
อาการของ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
อาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ได้แก่
- ปวดกระดูกเชิงกรานในระหว่างรอบเดือน ซึ่งมีอาการกว่าปกติมาก และมีอาการมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
- มีอาการปวดบริเวณหลังด้านล่างและช่องท้อง
- มีอาการปวดในระหว่างการขับถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ในระหว่างรอบเดือน
- มีเลือดออกมาก อาจมีประจำเดือนหนักโดยมีเลือดออกมาก หรืออาจมีเลือดออกมากในระหว่างรอบเดือน
- มีเลือดปนในปัสสาวะหรืออุจจาระ มีเลือดออกทางช่องคลอดหลังจากมีเพศสัมพันธ์
- ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืดหรือคลื่นไส้ โดยเฉพาะในระหว่างรอบเดือน
- มีอาการปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- มีภาวะมีบุตรยาก
- อ่อนเพลีย
อาจมีบางอาการที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการใด โปรดปรึกษาคุณหมอ
ควรไปพบหมอเมื่อใด
ควรปรึกษาคุณหมอเมื่อมีอาการดังต่อไปนี้
- มีอาการปวดในช่วงที่มีรอบเดือน ถึงแม้ว่าไม่เคยเป็นมาก่อน
- อาการปวดส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมประจำวัน
- เริ่มมีอาการปวดในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์
- มีอาการปวดในระหว่างการขับถ่ายปัสสาวะ มีเลือดปนในปัสสาวะ หรือไม่สามารถควบคุมการไหลของปัสสาวะได้
- ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ หลังจากได้พยายามมาเป็นเวลา 12 เดือน
สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้เกิด เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
สาเหตุของยังคงไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีปัจจัยบางประการที่ก่อให้เกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
สาเหตุประการแรกคือ ภาวะประจำเดือนไหลย้อนกลับไปในรังไข่ (retrograde menstruation) ซึ่งเป็นคำอธิบายโดยทั่วไปของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แทนการไหลออกจากร่างกาย เลือดประจำเดือนที่มีเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก ไหลย้อนกลับผ่านทางท่อนำไข่ และเข้าไปยังช่องเชิงกราน ทำให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกติดกับผนังเชิงกราน และพิ้นผิวของเชิงกราน
การเจริญเติบโตของเซลล์ตัวอ่อนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เซลล์ตัวอ่อนสร้างเยื่อบุช่องท้องและช่องเชิงกราน เมื่อบริเวณขนาดเล็กในแนวช่องท้องหนึ่งบริเวณหรือมากกว่า เปลี่ยนเป็นเนื้อเยื่อโพรงมดลูก อาจมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หากเคยเข้ารับการตัดมดลูก (hysterectomy) หรือการผ่าคลอด (C-section) รอยแผลเป็นจากการผ่าตัดที่เกิดขึ้น สามารถทำให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปติดกับรอยแผลเป็นดังกล่าวได้ ซึ่งก่อให้เกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ในกรณีที่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกมีการลำเลียงโดยหลอดเลือด หรือของเหลวในเนื้อเยื่อ ไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน
สาเหตุอีกประการหนึ่งก็คือ ความผิดปกติเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน หากระบบภูมิคุ้มกันมีความผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถตรวจจับ และทำลายเนื้อเยื่อโพรงมดลูกที่ไปเจริญเติบโตภายนอกมดลูกได้แล้ว ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ก็สามารถเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ สามารถมีภาวะนี้ได้เนื่องจากเซลล์ที่ช่องท้องและเชิงกราน อาจเปลี่ยนเป็นเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก หรือเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกได้ก่อตัวขึ้นภายนอกมดลูก เมื่อยังเป็นทารกในครรภ์
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
ปัจจัยเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีหลายประการ เช่น
- ผู้ที่ไม่เคยคลอดลูก
- ผู้ที่มีประจำเดือนไว
- ผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน
- ผู้ที่มีรอบเดือนสั้น คือมีประจำเดือนบ่อย และเว้นระยะเวลาแต่ละรอบ น้อยกว่า 27 วัน
- ผู้ที่ประจำเดือนมามากติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน
- ผู้ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง
- ผู้ที่มีมวลร่างกายต่ำ
- ผู้ที่มีญาติเคยเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- ผู้ที่มีสภาวะที่ทำให้เลือดประจำเดือนไม่สามารถไหลออกจากร่างกายได้
- ผู้ที่มีปัญหากับระบบสืบพันธุ์
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยเยื่อ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
คุณหมออาจจะทำการตรวจด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การตรวจอุ้งเชิงกราน คุณหมอจะคลำสัมผัสดูว่ามีซีสต์หรือแผลเป็นในเนื้อเยื่อหรือไม่
- การอัลตร้าซาวด์ คือการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแสกนเพื่อสร้างภาพภายในมดลูกและระบบอวัยวะสืบพันธุ์อื่นๆ ในช่วงการแสกน คุณหมออาจจะสอดเครื่องตรวจอัลตร้าซาวด์เข้าไปในช่องคลอด หรือแสกนผ่านหน้าท้องของคุณ แม้ว่าการทำอัลตร้าซาวด์นั้นจะไม่สามารถตรวจพบภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้เสมอไป แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยหาว่าคุณมีสภาวะแฝงอื่นๆ เช่น ซีสต์รังไข่ หรือไม่
- การแสกน MRI เพื่อช่วยให้เราได้เห็นภาพภายในร่างกายได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้การเอกซเรย์ การทำ MRI จะช่วยให้คุณหมอสามารถเตรียมการผ่าตัดสำหรับผู้ที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้อีกด้วย
- การตรวจผ่านกล้อง (Laparoscopy) คุณหมอจะทำการผ่าตัดหน้าท้องเป็นแผลเล็กๆ ในบริเวณใกล้กับสะดือ และสอดกล้องเข้าไปเพื่อตรวจหาสัญญาณของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
ยิ่งคุณตรวจพบภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เร็วเท่าไหร่ คุณหมอก็จะยิ่งเตรียมการรักษาคุณได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
การรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
ทางเลือกในการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีดังนี้
- ยาแก้ปวด ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา ยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือยาแก้ปวดอื่นๆ เพื่อให้รักษาอาการปวดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- ฮอร์โมนบำบัด คุณหมออาจใช้วิธีการทำฮอร์โมนบำบัด โดยให้ใช้ยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ยาควบคุมรอบเดือน (GnRH agonist) หรือยาคุมกำเนิดแบบฉีด (Medroxyprogesterone) เพื่อช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกาย
- การผ่าตัด คุณหมอจะทำการผ่าตัดเพื่อกำจัดเยื่อบุโพรงมดลูกส่วนเกิน และในบางครั้งอาจต้องมีการผ่าตัดกำจัดรังไข่ทั้งสองด้วย หากจำเป็น
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองที่ช่วยจัดการกับ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
การเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการดูแลตนเอง ที่อาจช่วยรับมือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีน เนื่องจากคาเฟอีนอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้
- ออกกำลังกาย เช่น เดิน หรือวิ่ง จะช่วยลดอาการปวด และอาจช่วยชะลออาการของโรค โดยการลดระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกาย
- เฝ้าระวังอาการ เพราะภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ตกเลือด หรือมีอาการปวดอย่างรุนแรงได้