น้ำท่วมปอด คือ ภาวะที่เกิดจากการมีของเหลวในช่องเยื่อหุ้มปอดมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากโรคปอดอักเสบ (โรคปอดบวม) การติดเชื้อไวรัส ภาวะหัวใจขาดเลือด ภาวะไตวาย เป็นต้น หากพบสัญญาณของภาวะน้ำท่วมปอด ควรรีบเข้าพบคุณหมอ เพราะหากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
[embed-health-tool-heart-rate]
คำจำกัดความ
น้ำท่วมปอด คืออะไร
น้ำท่วมปอด (Pulmonary Edema) หรือปอดบวมน้ำ เป็นภาวะที่เกิดจากมีของเหลวส่วนเกินในช่องเยื่อหุ้มปอด ส่งผลให้ผู้ป่วยหายใจลำบากเนื่องจากการขาดออกซิเจน ปอดอักเสบจากการสัมผัสกับสารพิษ ภาวะหัวใจล้มเหลว การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น ภาวะน้ำท่วมปอดมีทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง แต่หากผู้ป่วยเกิดภาวะปอดบวมแบบเฉียบพลัน ต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
น้ำท่วมปอด พบได้บ่อยเพียงใด
น้ำท่วมปอดเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย กรุณาปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการ
อาการของน้ำท่วมปอด
น้ำท่วมปอดเฉียบพลัน อาจทำให้มีอาการดังนี้
- หายใจลำบาก หรือหายใจถี่ และอาการยิ่งแย่ลงเมื่อต้องออกแรง หรือนอนหงาย
- ไอพร้อมมีเสมหะเป็นฟอง ซึ่งอาจเป็นสีชมพูเพราะมีเลือดปน
- หายใจมีเสียงหวีด หรือหายใจหอบ
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- มีไข้
- ปวดศีรษะ
- ตัวเย็น ผิวชื้น
- ปากเขียวคล้ำ
- รู้สึกวิตกกังวล กระสับกระส่าย หรือหวาดหวั่น
หากพบว่ามีอาการของภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน ควรเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
น้ำท่วมปอดเรื้อรัง อาจทำให้มีอาการดังนี้
- หายใจลำบาก หรือหายใจถี่ และอาการยิ่งแย่ลงเมื่อต้องออกแรง หรือนอนหงาย
- ตื่นกลางครันบ่อย ๆ เพราะไอหรือรู้สึกหายใจไม่ออก และอาการอาจดีขึ้นเมื่อลุกขึ้นนั่ง
- หายใจถี่รุนแรงเมื่อออกแรง หรือออกกำลังกาย
- หายใจมีเสียงหวีด
- น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
- แขนขาบวม
- อ่อนเพลีย
- ไออย่างหนัก
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด
หากมีอาการที่เป็นสัญญาณของภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลันควรรีบเข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุด เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แนะนำว่าควรเรียกรถพยาบาล อย่าเดินทางไปสถานพยาบาลเอง เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างเดินทาง เจ้าหน้าที่จะได้รักษาเบื้องต้นได้อย่างเหมาะสม
สาเหตุ
สาเหตุของน้ำท่วมปอด
น้ำท่วมปอดมักเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ หรือเกิดจากหัวใจห้องล่างซ้ายไม่สามารถสูบฉีดเลือดที่มาจากปอดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ ส่งผลให้เกิดแรงดันและของเหลวที่สะสมอยู่ย้อนกลับไปที่ปอด
นอกจากนี้ ภาวะหลอดเลือดแดงตีบ กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม ปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และความดันโลหิตสูง ก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้ายลดลง และสาเหตุดังต่อไปนี้ก็อาจทำให้เกิดน้ำท่วมปอดได้เช่นกัน
- กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน
- เลือดอุดตัน
- การสัมผัสกับแอมโมเนีย คลอรีน หรือสารพิษอื่น ๆ
- การสูดดมควันที่มีสารเคมีบางชนิด
- การบาดเจ็บของสมองหรือระบบประสาท
- ลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- การจมน้ำ
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด
- การติดเชื้อไวรัส
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยน้ำท่วมปอด
วิธีการรักษาน้ำท่วมปอดนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยขั้นต้น หากผู้ป่วยมีปัญหาในการหายใจ คุณหมออาจให้ออกซิเจนผ่านทางหน้ากากออกซิเจนหรือสอดท่อออกซิเจนเข้าทางรูจมูกทันทีหากระดับออกซิเจนต่ำ และคุณหมออาจตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีดังต่อไปนี้ด้วย
- การตรวจเลือด เพื่อหาสาเหตุของภาวะน้ำท่วมปอด และวัดระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
- การเอกซเรย์ทรวงอก เพื่อตรวจสอบว่ามีของเหลวในปอดหรือไม่
- การสวนหัวใจ หรือการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นวิธีการเอกซเรย์หัวใจผ่านสายสวน เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และหาสาเหตุที่อาจทำให้น้ำท่วมปอด
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และการไหลเวียนเลือดว่าเป็นปกติหรือไม่
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน และจังหวะการเต้นของหัวใจ
การรักษาน้ำท่วมปอด
การรักษาน้ำท่วมปอดขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ อย่างไรก็ตาม วิธีรักษาน้ำท่วมปอดที่นิยมใช้ ได้แก่
- การรักษาด้วยยา
- ยาขับปัสสาวะ ช่วยขับของเหลวส่วนเกินออกจากปอด และช่วยลดความดันเลือด หากรักษาน้ำท่วมปอดด้วยยานี้ อาจทำให้ถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น
- ยารักษาโรคหัวใจ อาจช่วยปรับจังหวะและอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติขึ้น หรืออาจช่วยลดความดันเลือด
- ยาขยายหลอดเลือด อาจช่วยขยายหลอดเลือดในหัวใจและปอด ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ความดันเลือดต่ำลง และอาการน้ำท่วมปอดอาจดีขึ้นได้
- การใช้เครื่องมือช่วยในการหายใจ
- เครื่องผลิตออกซิเจน ที่นิยมใช้ได้แก่ ชนิดสายออกซิเจนแบบผ่านจมูก และชนิดหน้ากากออกซิเจน เมื่อได้รับออกซิเจนแล้ว จะช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น และช่วยลดความดันในปอด การให้ออกซิเจน
- เครื่องช่วยหายใจชนิดไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ จะช่วยเพิ่มอากาศให้ปอดผ่านทางหน้ากากครอบจมูกและปาก
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองที่อาจช่วยป้องกันน้ำท่วมปอด
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผักและผลไม้สด ธัญพืช เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
- บริโภคเกลือให้น้อยลง
- ออกกำลังเป็นประจำ
- ลดหรือเลิกสูบบุหรี่
- งดหรือลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี