ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
หากคุณลองสังเกตตนเองว่า เริ่มรู้สึกมีอาการเจ็บคอ เจ็บลิ้น พร้อมมีเลือดออกบนลิ้นร่วมที่ไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ โปรดสำรวจอาการตนเองเบื้องต้น และรีบเร่งทำการรักษา หรืออาจเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอโดยด่วน เพราะคุณอาจกำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค มะเร็งลิ้น (Tongue Cancer) ได้
โรคมะเร็งลิ้น (Tongue Cancer) สามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า “มะเร็งลิ้นในช่องปาก’ ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดจากเซลล์ Squamous Cell Carcinoma (SCC) ที่มักปรากฏอยู่มากบนบริเวณลิ้น ที่สำคัญเซลล์มะเร็งชนิดนี้ยังอาจลุกลาม แพร่กระจายตัวก่อให้เกิดแผล หรือก้อนเนื้อเพิ่มเติมได้ทั่วทั้งศีรษะ ลำคอ ต่อมไทรอยด์ ระบบทางเดินหายใจ ลงไปยังสู่ปอดของคุณได้อีกด้วย
ทางการแพทย์ได้ทำการแบ่งประเภทของมะเร็งออกเป็น 3 แบบ เพื่อเป็นการวัดระยะในการประเมินการรักษาได้อย่างสะดวก ดังนี้
โรคมะเร็งลิ้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยากกว่ามะเร็งชนิดอื่น ๆ แต่คนส่วนใหญ่ที่มักจะประสบนั้น มักอยู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุในเพศชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มากกว่าช่วงวัยเด็ก
ในระยะแรกของ โรคมะเร็งลิ้น อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อ และรู้สึกเจ็บเล็กน้อยอยู่บริเวณโคนลิ้น จากนั้น ก้อนมะเร็งหรือเซลล์มะเร็ง อาจลุกลามส่งผลให้คุณเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ในระยะเวลาถัดมา
หากอาการเหล่านี้หายไปในระยะเวลาไม่นาน คุณอาจรอดพ้นจากการเป็น โรคมะเร็งลิ้น ได้ แต่หากมีอาการที่ยาวนานกว่า 2-3 สัปดาห์ โปรดรีบเข้ารับการรักษา และการตรวจสอบอย่างละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน ก่อนเซลล์มะเร็งจะลุกลามไปทำลายอวัยวะทั่วทั้งร่างกาย
โรคมะเร็งลิ้น อาจมีเหตุที่แตกต่างกันออก ตามแต่ปัญหา และพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล แต่อาจเป็นไปได้ว่ามะเร็งลิ้นอาจมาจากเชื้อเอชพีวี (Human Papillomavirus หรือ HPV) ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก เป็นต้น หรืออาจมีการได้รับเชื้อทางพันธุกรรมต่อกันมาตามประวัติทางสุขภาพของบุคคลในครอบครัวคุณ
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการพัฒนาของก้อนเนื้อมะเร็งที่ลุกลาม อาจมาจากพฤติกรรมบางอย่างของคุณที่ไม่ทันระมัดระวังร่วมด้วย ดังนี้
โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่อย่างเป็นประจำนั้น ยิ่งมีความเสี่ยงที่ โรคมะเร็งลิ้น อาจถามหาคุณได้มากกว่าบุคคลอื่น ๆ ถึง 15 เท่าเลยทีเดียว
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจมีการซักถามปัญหาทางสุขภาพอย่างละเอียดก่อนเสมอ ดังนั้น คุณจึงจำเป็นที่ต้องให้ความร่วมมือกับทางแพทย์ในการตอบคำถามอย่างไม่มีการปิดบังข้อมูลใด ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา โรคมะเร็งลิ้น ในช่องปากคุณ
เมื่อแพทย์ทำการระบุข้อมูลประวัติทางสุขภาพของคุณเรียบร้อยแล้ว อาจมีการตรวจชิ้นเนื้อด้วยการเอกซเรย์ หรือการทำซีทีสแกน (Computerized Tomography Scan หรือ CTS) ให้ทั่วทุกมุมในช่องปาก และลำคอคุณ พร้อมทั้งตรวจต่อมน้ำเหลืองเพิ่มเติมว่ามีการพบเซลล์มะเร็งหรือไม่ร่วมด้วย
เมื่อแพทย์ทำการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้วว่า ค้นพบเซลล์มะเร็งในช่องปากคุณ ขั้นตอนต่อไปแพทย์จะเริ่มทำการรักษา โดยการรักษานี้ขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้อ และอาการข้างเคียงของแต่ละบุคคล บางกรณีสำหรับผู้ที่มีเนื้องอกออกมาเด่นชัดก็อาจใช้การผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้องอก
แต่สำหรับผู้ที่มีเนื้องอกอยู่บริเวณด้านหลังของลิ้นที่อาจทำให้มองเห็นได้ยาก แพทย์อาจปรับเปลี่ยนมาใช้การฉายรังสี ร่วมกับการใช้ยาเคมีบำบัด เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ในการเคลื่อนไหวของลิ้น และเพิ่มความสะดวกในการกลืนอาหารได้มากขึ้น
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองดังต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณรับมือกับ โรคมะเร็งลิ้น ได้
ถึงแม้จะเป็นโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ยากในบางบุคคล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า โรคมะเร็งลิ้น นี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้น คุณจึงควรเรียนรู้ และตระหนักในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไว้ เพื่อเพิ่มการป้องกันที่ดีที่ก่อนการเกิด โรคมะเร็งลิ้น ดังนี้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ