การวินิจฉัยโรคและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยเบาหวานชนิดที่ 2
หากคุณหมอสงสัยว่าผู้ป่วยอาจเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 คุณหมออาจให้เข้ารับการตรวจร่างกายและการตรวจวินิจฉัยโรค ดังต่อไปนี้
- การตรวจฮีโมโกลบิน A1C เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การทดสอบน้ำตาลสะสมในเลือด (Glycosylated Hemoglobin Test) การทดสอบนี้เป็นการวัดระดับกลูโคสในเลือดโดยเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา การทดสอบนี้ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร และคุณหมอสามารถวินิจฉัยได้ตามผลการทดสอบ
- การตรวจกลูโคสในพลาสม่า จำเป็นต้องอดอาหารเป็นเวลา 8 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจ เพื่อวัดปริมาณกลูโคสในพลาสม่า
- การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล คุณหมอจะเจาะเลือด จากนั้น จะให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายกลูโคสในปริมาณที่กำหนด และเจาะเลือดอีกครั้งเมื่อครบ 2 ชั่วโมง เพื่อนำเลือดไปทดสอบว่าร่างกายจัดการกลูโคสก่อนและหลังดื่มได้ดีเพียงใด
การรักษาเบาหวานชนิดที่ 2
การรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 อาจเกี่ยวข้องกับการจัดการระดับน้ำตาลในเลือด หลายคนอาจรักษาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร และจัดการความเครียด ทำให้สุขภาพดีขึ้น หรือบางคนอาจต้องรับประทานยาร่วมด้วย ซึ่งวิธีการรักษาเบาหวานอาจทำได้ดังนี้
เมื่อน้ำหนักตัวลดลง ระดับน้ำตาลในเลือดก็อาจลดลงไปด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ผู้ป่วยควรลดน้ำหนักลงให้ได้อย่างน้อย 7% ของน้ำหนักตัว เช่น หากน้ำหนัก 82 กิโลกรัม ก็ควรลดน้ำหนักให้ได้ 5.9 กิโลกรัม เมื่อน้ำหนักลดลงก็อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงให้น้อยลง กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น รวมถึงการบริโภคไฟเบอร์เพิ่มขึ้น ถือเป็นเคล็ดลับในการรับประทานอาหารที่ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2
หากไม่ทราบว่าควรรับประทานอาหารชนิดใด ควรงด หรือลดอาหารชนิดใด อาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ นักโภชนาการ เพื่อให้ได้รับคำตอบที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
การออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นปานกลาง 30-60 นาที หรือออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นสูง 15-30 นาทีเป็นประจำทุกวัน อาจช่วยให้ร่างกายรับมือกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ดีขึ้น
รูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดิน การเต้น การว่ายน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบแรงต้าน (Resistance Exercise) เช่น การยกน้ำหนัก โยคะ สัปดาห์ละ 2 วัน
- การเฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือด
แผนการเฝ้าระวังของผู้ป่วยแต่ละคนขึ้นอยู่กับอาการและระดับความรุนแรงของโรค ผู้ป่วยบางรายอาจต้องตรวจและบันทึกระดับน้ำตาลในเลือดวันละหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้อินซูลิน ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการ
- การใช้ยาเบาหวาน หรือการฉีดอินซูลิน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 บางรายอาจต้องใช้ยาเบาหวาน หรือฉีดอินซูลินด้วย โดยยาที่นิยมใช้ในการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 อาจได้แก่
-
- ยาเมตฟอร์มิน (Metformin) เพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน จึงส่งผลให้ร่างกายใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย แต่อาจลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงของยาด้วยการรับประทานยาหลังอาหารทันที
- ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) เพื่อช่วยให้ร่างกายหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้น ยานี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ทำให้น้ำหนักตัวขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ยากลุ่มเมกลิทิไนด์ (Meglitinides) เพื่อช่วยให้ร่างกายหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้น แต่ยากลุ่มนี้แตกต่างจากยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียตรงที่ออกฤทธิ์เร็วกว่า แต่ก็หมดฤทธิ์เร็วกว่าด้วย
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อจัดการกับเบาหวานชนิดที่ 2
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองตามเคล็ดลับต่อไปนี้ อาจช่วยให้รับมือกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่ต่ำ อาหารที่มีไฟเบอร์สูง และกินผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ดให้มากขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ควรออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นปานกลางวันละ 30-60 นาที หรือออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นสูงวันละ 15-30 นาที
- ตรวจวัดระดับของน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ โดยอาจต้องตรวจน้ำตาลในเลือด 4-8 ครั้ง/วัน หากมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ ทั้งอาหารเหลวและอาหารแข็ง ควรปรึกษาคุณหมอทันที
- หากระดับของน้ำตาลในเลือดแปรปรวน โปรดติดต่อคุณหมอทันที
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี
- ตรวจสุขภาพเท้าทุกวัน หากพบความผิดปกติใด ๆ ควรรีบปรึกษาคุณหมอทันที
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย