-
สตรอว์เบอร์รี่
สตรอว์เบอรร์รี่มีค่า GI 3.5/152 กรัม การรับประทานสตรอว์เบอร์รี่อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล และยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างโพลีฟีนอลที่อาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ลดความเสี่ยโรคเบาหวาน
งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food & Function Journal เมื่อ พ.ศ. 2563 ทำการวิจัยถึงความสัมพันธ์ของการรับประทานเบอร์รี่และภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคเบาหวานชิดที่ 2 พบว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ โดยเฉพาะแครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และสตรอว์เบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น โพลีฟีนอล ซึ่งอาจสามารถช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ รวมถึงโรคเบาหวานประเภท 2 และภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน
-
ลูกพลัม
ลูกพลัมมีค่า GI24/66 กรัม การรับประทานลูกพลัมไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหารพุ่งสูง อย่างรวดเร็ว เนื่องจากลูกพลัมมีน้ำตาลน้อยมากและมีกากใยที่อาจช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล และยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ซอร์บิทอล (Sorbitol) กรดควินิก (Quinic acid) กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic acid) ที่อาจช่วยควบคุมโรคเบาหวานได้
งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Critical Reviews in Food Science and Nutrition เมื่อ พ.ศ. 2556 ทำการวิจัยองค์ประกอบและผลกระทบต่อสุขภาพของลูกพลัมแห้งและผลิตภัณฑ์จากลูกพลัม พบว่า ลูกพลัมและผลิตภัณฑ์จากลูกพลัมมีสารประกอบออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่น ซอร์บิทอล กรดควินิก กรดคลอโรจีนิก วิตามินเค โบรอน (Boron) ทองแดง โพแทสเซียมในปริมาณมาก หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้อิ่มนานขึ้น ช่วยควบคุมโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ ลูกพลัมแห้งไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินหลังรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นมากด้วย
-
ลูกแพร์
ลูกแพร์มีค่า GI 33/166 กรัม เป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องควบคุมระดับตาลในเลือด การรับประทานลูกแพร์จึงอาจมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร The BMJ เมื่อ พ.ศ. 2556 ทำการวิจัยการบริโภคผลไม้และความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 โดยติดตามผลผู้เข้าร่วมการทดลอง 12,198 คนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โดยให้รับประทานผลไม้สัปดาห์ละ 3 มื้อ พบว่า การรับประทานผลไม้มากขึ้น โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ องุ่น แอปเปิ้ลและลูกแพร์ อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2
-
องุ่น
องุ่นมีค่า GI 43/92 กรัม ซึ่งอาจช่วยป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหารพุ่งสูง นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างโพลีฟีนอล (Polyphenol) สติลเบน เรสเวอรเทรอล (Stilbene resveratrol) ลาวานอล เควอซิทิน (Lavanol quercetin) แคทีชิน (Catechins) และแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ที่ช่วยปกป้องและเสริมสร้างเซลล์ตับอ่อน ให้แข็งแรง เนื่องจากเซลล์ตับอ่อนมีหน้าที่สร้างอินซูลินที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในสมดุล
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย