โรคชีแฮน เกิดจากความผิดปกติของต่อมใต้สมอง ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เสียเลือดมากขณะคลอดบุตรหรือหลังคลอดบุตร ขาดออกซิเจน หรืออาจมีความดันโลหิตต่ำกว่าปกติระหว่างการคลอดบุตรหรือหลังคลอดบุตร ส่งผลให้มีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้น้ำนมน้อยจนไม่สามารถให้นมลูกได้ โดยอาการที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ให้กำเนิดทารกที่มีน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม
โรคชีแฮน
โรคชีแฮน (Sheehan’s Syndrome) เป็นภาวะความผิดปกติของต่อมใต้สมองที่อาจเกิดจากการตกเลือดหรือเสียเลือดมากจนเกินไป ขาดออกซิเจน หรืออาจมีความดันโลหิตต่ำกว่าปกติระหว่างการคลอดบุตรหรือหลังคลอดบุตร การตกเลือดปริมาณมาก ๆ อาจทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงบริเวณต่อมใต้สมองได้เพียงพอ ส่งผลให้คุณแม่มีอาการอ่อนเพลีย น้ำนมน้อมไม่สามารถให้นมลูกได้ โดยสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้เสียเลือดในปริมาณมาก อาจมีดังนี้
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ
- ความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์
- ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
- รกเกาะต่ำ
- ให้กำเนิดทารกที่มีน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม
อาการของโรคชีแฮน
โรคชีแฮนส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิง โดยอาจส่งผลทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้
- น้ำนมน้อยไม่สามารถให้นมลูกได้
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาด
- น้ำหนักขึ้น
- หนาวง่าย
- ประสิทธิภาพทางกระบวนความคิดช้าลง
- อ่อนเพลีย อ่อนแรง
- ผิวบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากเหี่ยวย่น
- เต้านมหดตัว
- ผิวแห้ง
- อาการปวดข้อ
- ความต้องการทางเพศลดลง
- น้ำตาลในเลือดต่ำ
- ความดันโลหิตต่ำ
- หัวใจเต้นผิดปกติ
วิธีการรักษาโรคชีแฮน
ในเบื้องต้นคุณหมออาจจะสอบประวัติและอาการที่เกิดขึ้น เนื่องจาก ความเสียหายของต่อมใต้สมองอาจส่งผลทำให้ระบบภายในร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเองได้ โดยการรักษาอาจจะเน้นด้วยการใช้ฮอร์โมนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) อาจใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนต่อมหมวกไต
- ยากลุ่มเลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) อาจช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนไทรอยด์
- ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ในคุณแม่ที่ตัดมดลูกออกแล้วจะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเอย่างเดียว ฮอร์โมนดังกล่าวอาจช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ
- ฮอร์โมนลูติไนซิงฮอร์โมน (Luteinizing Hormone หรือ LH) อาจทำหน้าที่กระตุ้นรังไข่ ให้ไข่สุกและสามารถตั้งครรภ์ได้
- ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมน(Follicle Stimulating Hormone หรือ FSH) อาจทำหน้าที่กระตุ้นรังไข่ ให้ไข่สุกและสามารถตั้งครรภ์ได้
- โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) อาจช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูก เสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดระดับคอเลสเตอรอล
[embed-health-tool-due-date]