backup og meta

โฟลิค คืออะไร สำคัญอย่างไรสำหรับคนท้อง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 18/09/2022

    โฟลิค คืออะไร สำคัญอย่างไรสำหรับคนท้อง

    โฟลิค หรือวิตามินบี 9 ช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่ เป็นวิตามินที่สำคัญสำหรับ คนท้อง และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลางคือการพัฒนาของสมองและไขสันหลังของทารก โดยควรเริ่มเสริมโฟลิคตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน นอกจากนี้ โฟลิคอาจช่วยป้องกันการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดของหญิงที่ตั้งครรภ์ได้

    โฟลิค คืออะไร 

    โฟลิค คือ วิตามินบี 9 ที่สามารถพบได้ในผักใบเขียว เช่น หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี กระเจี๊ยบเขียว รวมถึงในอาหารจำพวกแป้ง ขนมปัง พาสต้า พืชตระกูลถั่ว นอกจากนี้ ยังมีกรดโฟลิคที่เป็นอาหารเสริมมักใช้ร่วมกับวิตามินบีอื่น ๆ โฟลิคมีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญโปรตีน และยังจำเป็นต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ต่อผู้หญิงที่วางแผนในการตั้งครรภ์ และกำลังตั้งครรภ์ เพราะช่วยลดความเสี่ยงของทารกที่จะเกิดความบกพร่องของระบบประสาทส่วนกลางทั้งสมอง ไขสันหลัง และท่อระบบประสาทด้วย

    ประโยชน์ของ โฟลิค ต่อ คนท้อง

    ประโยชน์ของกรดโฟลิคสำหรับคนท้อง อาจมีดังต่อไปนี้

    • ป้องกันภาวะโรคโลหิตจาง 
    • ป้องกันความผิดปกติของระบบท่อประสาทในทารก 
    • ช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน 
    • ช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย
    • ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
    • ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
    • ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ 
    • ช่วยรักษาอาการผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า 

    อย่างไรก็ตาม กรดโฟลิคอาจไม่ได้ให้ประสิทธิผล ดังต่อไปนี้ 

    • ไม่ได้ช่วยรักษาภาวะโรคโลหิตจาง เนื่องจากขาดธาตุเหล็ก
    • ไม่ได้ช่วยรักษาท้องเสีย ท้องร่วง
    • ไม่ได้ช่วยให้การเจริญพันธุ์ของผู้ชายดีขึ้น
    • ไม่ได้ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นต้อกระจก 
    • ไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ 
    • ไม่ได้ช่วยป้องกันกระดูกหัก กระดูกเปราะ หรือโรคกระดูกพรุน 
    • ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง 

    โฟลิค สำคัญอย่างไรสำหรับคนท้อง 

    ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ควรจะได้รับโฟลิคอย่างน้อย 0.4 มิลลิกรัมต่อวันอย่างน้อย 3 เดือน ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความบกพร่องของระบบท่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารก ซึ่งเป็นการพัฒนาในช่วงแรกในการเจริญของตัวอ่อน หญิงตั้งครรภ์ที่มารับประทานโฟลิคภายหลังที่รู้ว่าตั้งครรภ์อาจทำให้เลยช่วงการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางของทารกในส่วนนี้ไป และเมื่อรับประทานโฟลิคก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ อาจช่วยป้องกันทารกและคุณแม่ตั้งครรภ์จากสิ่งเหล่านี้ เช่น 

    ปริมาณโฟลิคที่ควรได้รับ

    ปริมาณแนะนำที่ร่างกายควรได้รับโฟลิคในแต่ละช่วงอายุ เช่น 

    • สำหรับเด็กอายุ 1-3 ปี 0.3 มิลลิกรัมต่อวัน
    • สำหรับเด็กอายุ 4-8 ปี 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน
    • สำหรับเด็กอายุ 9-13 ปี 0.6 มิลลิกรัมต่อวัน
    • สำหรับเด็กอายุ 14-18 ปี 0.8 มิลลิกรัมต่อวัน 
    • ผู้ใหญ่เพศชาย คือ 0.15-0.2 มิลลิกรัมต่อวัน
    • ผู้ใหญ่เพศหญิง คือ 0.15-0.18 มิลลิกรัมต่อวัน
    • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ คือ 0.6 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้การดูดซึมของโฟเลตลดลง

    ปริมาณโฟลิคที่ควรรับประทานในแต่ละวันสำหรับคนท้อง คือ 

    • ช่วงวางแผนการตั้งครรภ์ และไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์  คือ 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน 
    • ช่วงไตรมาส 2-3 ของการตั้งครรภ์ คือ 0.6 มิลลิกรัมต่อวัน
    • ช่วงให้นมลูก คือ 0.5 มิลลิกรัมต่อวัน

    อาหารที่เป็นแหล่งสำคัญของโฟลิค

    อาหารที่เป็นแหล่งของโฟลิค อาจมีดังต่อไปนี้

    • ซีเรียลอาหารเช้า
    • ผักใบเขียว เช่น กะหล่ำปลี คะน้า ผักโขม บร็อคโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง 
    • พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลูกไก่ ถั่วแดง ถั่วลิสง
    • ธัญพืชต่าง ๆ เช่น เมล็ดทานตะวัน 
    • ตับ ไม่ว่าจะเป็นตับหมู หรือตับไก่ 
    • ไข่ ควรทำให้สุก เนื่องจากอาหารที่ปรุงไม่สุกอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย

    ข้อควรระวังสำหรับการรับประทานโฟลิค

    การรับประทานโฟลิคในปริมาณที่มากกว่า 1 มิลลิกรัมต่อวัน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น 

    • ปวดท้อง
    • คลื่นไส้ 
    • เวียนศีรษะ 
    • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด 
    • สับสน มึนงง 
    • ท้องร่วง
    • ปัญหาการนอนหลับ 

    นอกจากนี้ อาจทำให้ไปยับยั้งการทำงานของวิตามินบี 12 และส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ รวมถึงมีงานวิจัยบางชิ้นเผยว่า การรับประทานกรดโฟลิค 0.8-1.2 มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ภาวะหัวใจวายในผู้ที่เป็นโรคหัวใจได้ 

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์


    เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 18/09/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา