backup og meta

เรื่องนี้อย่าปล่อยผ่าน การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น ปัญหาใหญ่ระดับโลก


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 29/07/2021

    เรื่องนี้อย่าปล่อยผ่าน การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น ปัญหาใหญ่ระดับโลก

    การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่านไปได้เพราะหนึ่งชีวิตมีความสำคัญ และพฤติกรรมการฆ่าตัวตายในวัยรุ่นสามารถเกิดขึ้นได้กับวัยรุ่นทุกคน ดังนั้นพ่อแม่ ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญและใส่ใจปัญหาที่ลูกของคุณอาจกำลังเผชิญอยู่ เพื่อให้ง่ายต่อการปกป้องลูกคุณจากการฆ่าตัวตายในวัยรุ่น ลองมาอ่านบทความนี้แล้วคุณจะรู้ว่าวัยรุ่นกำลังเผชิญกับอะไรอยู่

    อะไรที่ทำให้เสี่ยงต่อ การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น

    อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจความรู้สึกนึกคิดบางอย่างของวัยรุ่นที่กำลังประสบปัญหามีพฤติกรรมฆ่าตัวตาย ซึ่งวัยรุ่นอาจกำลังเผชิญกับความเครียด ความกังวลหรือความกดดันจากรอบตัว อีกทั้งช่วงวัยรุ่นยังเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ต้องการความเป็นอิสระที่มักขัดแย้งกับกฎเกณฑ์และความคาดหวังจากคนในครอบครัวและคนรอบข้าง

    วัยรุ่นที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ หรืออาการนอนไม่หลับ มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการฆ่าตัวตายในวัยรุ่น และยิ่งวัยรุ่นที่มีความกดดันจากปัญหาในชีวิต เช่น พ่อแม่หย่าร้าง หรือถูกกลั่นแกล้ง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นไปอีก หรืออาจจะเป็นเรื่องอื่น ๆ เช่น

    • ความผิดปกติทางจิตใจ โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด
    • ความรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องต่าง ๆ
    • ความรู้สึกสิ้นหวังและไรค่าที่มาพร้อมกับภาวะซึมเศร้า
    • เคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้ว
    • ประวัติครอบครัวเคยเป็นโรคซึมเศร้า หรือมีพฤติกรรมฆ่าตัวตาย
    • การถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดนทารุณกรรม ใช้ความรุนแรง หรือการกลั่นแกล้ง
    • มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างครอบครัว เพื่อนและสังคม
    • เกิดความผิดปกติจากการใช้สารเสพติด
    • สามารถเข้าถึงวิธีการฆ่าตัวตายได้ เช่น อาวุธปืน หรือยาต่าง ๆ
    • มีปัญหาทางร่างกายอาจด้วยโรคร้ายหรือพิการทางร่างกาย
    • เด็กที่เป็นลูกบุญธรรม
    • กลุ่มเพศ LGBTQ ที่โดนต่อต้านจากครอบครัวและสังคม

    สัญญาณเตือน การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น

    การฆ่าตัวตายในวัยรุ่นมักเกิดได้จากหลายสาเหตุข้างต้น โดยอาจมีสัญญาณอาการ ดังนี้

    • พูดถึงการตายหรือการฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง
    • อาจส่งสัญญาณบอกใบ้ว่าจะไม่อยู่แล้ว
    • พูดถึงความรู้สึกสิ้นหวังหรือรูสึกผิด
    • ออกห่างจากครอบครัวและสังคมเพื่อน
    • อาจเขียนจดหมายเกี่ยวกับเรื่องความตาย
    • เริ่มแจกหรือมอบสิ่งของแทนใจให้คนในครอบครัว
    • หมดความชื่นชอบในสิ่งที่เป็นงานอดิเรก
    • เหม่อลอย มีปัญหาทางความคิด
    • พฤติกรรมการกิน การนอนเปลี่ยนแปลงไป
    • เข้าไปมีส่วนร่วมในพฤติกรรมเสี่ยง
    • ไม่อยากออกไปไหนหรือทำอะไร เช่น การไปโรงเรียน เล่นกีฬา

    การป้องกัน ปัญหาการฆ่าตัวตายในวัยรุ่น

    พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถมีส่วนในการช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายในวัยรุ่นได้ ดังนี้

    พูดคุยกับบุตรหลานเกี่ยวกับสุขภาพจิต

    หากวัยรุ่นมีอาการเศร้า วิตกกังวล ซึมเศร้า อย่านิ่งนอนใจและอย่างรอให้พวกเขาเข้ามาขอคำปรึกษาจากคุณ แต่ผู้ปกครองควรเป็นฝ่ายเข้าไปถามเรื่องสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นและอยู่เคียงข้าง

    ใส่ใจ

    เมื่อวัยรุ่นกำลังคิดฆ่าตัวตายพวกเขามักมีสัญญาณบอกเสมอ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องใส่ใจลูกหลานเพื่อป้องกันเรื่องร้ายที่จะตามมา

    ไม่ให้วัยรุ่นแยกตัวอยู่คนเดียว

    พยายามให้วัยรุ่นมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมทั้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน นอกจากจะทำให้วัยรุ่นไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและขาดที่พึ่งแล้ว ครอบครัวและกลุ่มเพื่อนยังสามารถใช้โอกาสนี้ในการคอยสังเกตความผิดปกติหรือปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่นได้อีกด้วย

    คอยสังเกตการใช้โซเชียลมีเดีย

    พยายามสังเกตการเข้าใช้งานโซเชียลของวัยรุ่น เพราะโซเชียลอาจเป็นแหล่งที่ทำให้พวกเขาถูกกลั่นแกล้ง เกิดความกดดันจากรอบข้าง และสังเกตหากบุตรหลานของคุณโพสต์ข้อความทางลบลงในโซเชียล ให้คุณเข้าไปพูดคุยเพื่อแนะนำแนวทางหรือแสดงความห่วงใยกับสิ่งเหล่านั้น

    ส่งเสริมสุขภาพ

    ส่งเสริมให้วัยรุ่นออกกำลังกาย กินอาหารที่มีคุณประโยชน์ และนอนหลับให้เพียงพอ เพราะสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จะส่งผลดีต่อสุขภาพจิต ช่วยลดโอกาสในการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นได้อีกด้วย

    หาทางรักษา

    หากวัยรุ่นจำเป็นต้องเข้าบำบัดพฤติกรรมฆ่าตัวตาย พ่อแม่ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในการช่วยให้วัยรุ่นปฏิบัติตามแผนการรักษา รวมถึงทำความเข้าใจ และคอยให้กำลังใจ เพื่อช่วยให้ลูกสามารถก้าวผ่านปัญหาไปได้

    เก็บอาวุธไว้ในที่ปลอดภัย

    ผู้ปกครองควรเก็บอาวุธ ปืน ยา แอลกอฮอล์ หรืออื่น ๆ ที่เป็นอันตรายไว้ในที่ปลอดภัย เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นเครื่องมือในการฆ่าตัวตายในวัยรุ่นได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 29/07/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา