กลูโคเฟจ® (Glucophage®) มีตัวยาสำคัญคือ เมทฟอร์มิน นิยมใช้สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เพื่อควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
ข้อบ่งใช้
กลูโคเฟจ® (ยาเมทฟอร์มิน) ใช้สำหรับ
กลูโคเฟจ® (Glucophage®) นิยมใช้สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เพื่อควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
วิธีการใช้ กลูโคเฟจ® (ยาเมทฟอร์มิน)
วิธีการใช้ยาสำหรับรับประทาน
- รับประทานกลูโคเฟจ® ตามที่แพทย์กำหนดในเรื่องเกี่ยวกับขนาดยาและตารางการใช้ยา
- ควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดก่อนใช้กลูโคเฟจ
- หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลบนฉลากยา โปรดปรึกษาแพทย์
การเก็บรักษา กลูโคเฟจ® (ยาเมทฟอร์มิน)
ควรเก็บ กลูโคเฟจ® ที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง หากมีข้อสงสัยควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งกลูโคเฟจ® ลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ กลูโคเฟจ® (ยาเมทฟอร์มิน)
ก่อนใช้กลูโคเฟจ® โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณ
- มีอาการแพ้ต่อกระสายยาที่ใช้ในรูปแบบยาที่มีส่วนผสมของกลูโคเฟจ
- มีอาการแพ้อื่น ๆ เช่น ยาอื่น ๆ อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์
- กำลังเป็นโรคอื่น ๆ
- ใช้ยาอื่นที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดปฏิกิริยากับกลูโคเฟจ
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
กลูโคเฟจ® จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A = ไม่มีความเสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C = อาจจะมีความเสี่ยง
- D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ กลูโคเฟจ® (ยาเมทฟอร์มิน)
กลูโคเฟจ® สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้เช่นเดียวกับยาอื่น ส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้แทบจะไม่เกิดขึ้นและไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพิ่มเติม แต่ควรปรึกษาแพทย์เสมอหากเกิดปัญหาใด ๆ ระหว่างใช้ยานี้
ผลข้างเคียงบางส่วนมีดังนี้
- ปวดกล้ามเนื้อ
- อ่อนแรง
- มีอาการชาหรือรู้สึกเย็นที่แขนหรือขา
- หายใจติดขัด
- รู้สึกวิงเวียนหรือหน้ามืด
- ปวดท้อง คลื่นไส้และอาเจียน
- หัวใจเต้นช้าหรือเต้นไม่เป็นจังหวะ
- รู้สึกหายใจลำบาก แม้แค่การออกกำลังกายเบา ๆ
- บวมหรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- มีอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ (เช่นเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตัว)
- ปวดศีรษะ
- ท้องร่วง
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
กลูโคเฟจ® อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ และอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับกลูโคเฟจ® ได้แก่
- ยาอะเซตาโซลาไมด์ (Acetazolamide) อย่างไดอามอกซ์ (Diamox)
- ยาอะมิโลไรด์ (Amiloride) อย่างมาดามอร์ (Midamor, In Moduretic)
- ยาในกลุ่มเออีซีอินฮิบิเตอร์ (Angiotensin-Converting Enzyme inhibitors) เช่น
- ยาเบนาเซพริล (Benazepril) อย่างโลเทนซิน (Lotensin)
- ยาแคปโทพริล (Captopril) อย่างแคปโพเทน (Capoten)
- ยาเอนาลาพริล (Enalapril) อย่างวาโซเทค (Vasotec)
- ยาโฟซินโนพริล (Fosinopril) อย่างโมโนพริล (Monopril)
- ยาลิซิโนพริล (Lisinopril) อย่างพรินิวิล (Prinivil) หรือเซลทริล (Zestril)
- ยาโมเอกซิพริล (Moexipril) อย่างยูนิวาสค์ (Univasc)
- ยาเพอริโดพริล (Perindopril) อย่างเอซิออน (Aceon)
- ยาควินาพริล (Quinapril) อย่างแอคคูพริล (Accupril)
- ยารามิพริล (Ramipril) อย่างอัลเทรส (Altace)
- ยาทรานโดลาพริล (Trandolapril) อย่างมาวิก (Mavik)
- ยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta-Blockers) เช่น
- ยาอะเทโนลอล (Atenolol) อย่างเทนอร์มิน (Tenormin)
- ยาลาเบทาลอล (Labetalol) อย่างนอร์โมดีน (Normodyne)
- ยาเมโทโพรลอล (Metoprolol) อย่างโลเพรสเซอร์ (Lopressor) หรือโทพรอล เอ็กซ์แอล (Toprol Xl)
- ยานาโดลอล (Nadolol) อย่างคอร์การ์ด (Corgard)
- ยาโพรพราโนลอล (Propranolol) อย่างอินเดรอล (Inderal)
- ยาในกลุ่มแคลเซียมชาแนลบล็อกเกอร์ (Calcium Channel Blockers) เช่น
- ยาแอมโลดิพีน (Amlodipine) อย่างนอร์วาสค์ (Norvasc)
- ยาดิลไทอาเซม (Diltiazem) อย่างคาร์ดิเซม (Cardizem) ดิลาคอร์ (Dilacor) ไทอาแซค (Tiazac) และอื่น ๆ
- ยาเฟโลดิพีน (Felodipine) อย่างเพลนดิล (Plendil)
- ยาอิสราดิพีน (Isradipine) อย่างไดนาเซิร์ค (Dynacirc)
- ยาไนคาร์ดิพีน (Nicardipine) อย่างคาร์เดน (Cardene)
- ยานิเฟดิพีน (Nifedipine) อย่างอะดาแลต (Adalat) หรือโพรคาร์เดีย (Procardia)
- ยานิโมดิพีน (Nimodipine) อย่างนิโมท็อป (Nimotop)
- ยานิโซลดิพีน (Nisoldipine) อย่างซูลาร์ (Sular)
- ยาเวราพามิล (Verapamil) อย่างคาแลน (Calan) ไอโซปทิน (Isoptin) หรือเวเรแลน (Verelan)
- ยาซิเมทิดีน (Cimetidine) อย่างทากาเมต (Tagamet)
- ยาไดจอกซิน (Digoxin) อย่างลานอกซิน (Lanoxin)
- ยาขับปัสสาวะ (ยาขับน้ำ)
- ยาฟูโรเซไมด์ (Furosemide) อย่างลาซิก (Lasix)
- การบำบัดทนแทนฮอร์โมน
- ยาอินซูลิน (Insulin) หรือยาอื่น ๆ สำหรับโรคเบาหวาน
- ยาไอโซไนอาซิด (Isoniazid)
- ยารักษาโรคหอบหืดและโรคหวัด
- ยาสำหรับอาการป่วยทางจิตและอาการคลื่นไส้
- ยาสำหรับโรคไทรอยด์
- มอร์ฟีน (Morphine) อย่างเอ็มเอส คอนทิน (Ms Contin) และอื่น ๆ
- ยาไนอาซิน (Niacin)
- ยาเม็ดคุมกำเนิด
- ยาสเตียรอยด์สำหรับรับประทาน เช่น
- ยาเดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) อย่างเดคาโดรน (Decadron) หรือเดกโซน (Dexone)
- ยาเมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednisolone) อย่างเมดรอล (Medrol)
- ยาเพรดนิโซน (Prednisone) อย่างเดลทาโซน (Deltasone)
- ยาเฟนิโทอิน (Phenytoin) อย่างดิลแลนทิน (Dilantin) หรือเฟนิเทก (Phenytek)
- ยาโพรคาอินาไมด์ (Procainamide) อย่างโพรแคนบิด (Procanbid)
- ยาควินิดีน (Quinidine)
- ยาควินีน (Quinine)
- ยารานิทิดีน (Ranitidine) อย่างแซนเทค (Zantac)
- ยาโทพิราเมต (Topiramate) อย่างโทพาแมกส์ (Topamax)
- ยาไตรแอมเทอรีน (Triamterene) อย่างไดอาไซด์ (Dyazide) แมกไซด์ (Maxzide) และอื่น ๆ
- ยาไตรเมโทพริม (Trimethoprim) อย่างพริมซอล (Primsol)
- ยาแวนโคมัยซิน (Vancomycin) อย่างแวนโคซิน (Vancocin)
- ยาโซนิซาไมด์ (Zonisamide) อย่างโซเนแกรน (Zonegran)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
กลูโคเฟจ® อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
กลูโคเฟจอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ เช่น
- บริโภคแอลกอฮอล์มากเกินไป
- ภาวะต่อมหมวกไตทำงานน้อยเกิน
- ภาวะต่อมใต้สมองทำงานน้อยเกิน
- ภาวะขาดสารอาหาร
- สภาพร่างกายอ่อนแอ
- สภาวะอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ภาวะโลหิตจาง
- ภาวะขาดวิตามินบี 12
- โรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันหรือไม่แน่นอน
- ภาวะขาดน้ำ
- โรคหัวใจวายเฉียบพลัน
- ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ (Hypoxemia)
- โรคตับ
- การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis)
- อาการช็อค (ความดันโลหิตต่ำ การไหลเวียนของเลือดไม่ดี)
- ภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตนจากเบาหวาน หรือภาวะกรดคั่งจากสารคีโตน (Diabetic ketoacidosis)
- โรคไตระดับรุนแรง
- ภาวะเลือดเป็นกรดเมตะบอลิก (Metabolic acidosis)
- โรคเบาหวานชนิดที่ 1
- เป็นไข้
- ติดเชื้อ
- การผ่าตัด
- การบาดเจ็บ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาของกลูโคเฟจ® (ยาเมทฟอร์มิน) สำหรับผู้ใหญ่
โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับขนาดกลูโคเฟจที่ใช้ในผู้ใหญ่
ขนาดยาที่แนะนำสำหรับบางกรณีมีดังต่อไปนี้
ยาออกฤทธิ์ทันที
- ขนาดยาเริ่มต้น : 500 มก. รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 850 มก. รับประทานวันละครั้ง
- การปรับขนาดยา : เพิ่มขนาดยา 500 มก. ทุกสัปดาห์ หรือเพิ่ม 850 มก. ทุก ๆ 2 สัปดาห์เท่าที่สามารถทนได้
- ขนาดยาปกติ : 2000 มก.ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด : 2550 มก.ต่อวัน
ยาออกฤทธิ์นาน
- ขนาดยาเริ่มต้น : 500-1000 มก. รับประทานวันละครั้ง
- การปรับขนาดยา : เพิ่มขนาดยา 500 มก. ทุกสัปดาห์เท่าที่สามารถทนได้
- ขนาดยาปกติ : 2000 มก.ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด : 2550 มก.ต่อวัน
ขนาดยาของกลูโคเฟจ® (ยาเมทฟอร์มิน) สำหรับเด็ก
โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับขนาดกลูโคเฟจที่ใช้ในเด็ก
ขนาดยาที่แนะนำสำหรับบางกรณีมีดังต่อไปนี้
โรคเบาหวานประเภทที่ 2 สำหรับเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป
ยาออกฤทธิ์ทันที
- ขนาดยาเริ่มต้น : 500 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- การปรับขนาดยา : เพิ่มขนาดยา 500 มก. ทุกสัปดาห์เท่าที่สามารถทนได้
- ขนาดยาปกติ : 2000 มก.ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด : 2550 มก.ต่อวัน
ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปี ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดออกฤทธิ์นานสำหรับรับประทาน 500 มก. และ 1000 มก.
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]