ข้อบ่งใช้ ดีเฟอริโพรน
ยา ดีเฟอริโพรน ใช้สำหรับ
ยา ดีเฟอริโพรน (Deferiprone) ใช้กับผู้ที่มีความผิดปกติของเลือดบางชนิด อย่างโรคธาลัสซีเมีย (thalassemia) ที่มีปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายสูงเกินไปเนื่องจากการถ่ายเลือดซ้ำหลายครั้ง การถ่ายเลือดนั้นช่วยผู้ที่มีความผิดปกติของเลือด แต่ก็สามารถทำให้มีปริมาณของธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไปด้วยเช่นกัน คุณควรจะกำจัดธาตุเหล็กส่วนเกินออก เนื่องจากระดับธาตุเหล็กที่สูงเกินไปนั้นสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น หัวใจล้มเหลว โรคตับ โรคเบาหวาน รวมถึงการเจริญเติบโตช้าในเด็ก
ยาดีเฟอริโพรนจะใช้เมื่อคุณมีปัญหากับการใช้ยากำจัดธาตุเหล็กตามปกติ หรือหากคุณยังมีระดับธาตุเหล็กสูงอยู่หลังจากที่ใช้ยากำจัดธาตุเหล็กอื่น
ยาดีเฟอริโพรนอยู่ในกลุ่มของยาขับธาตุเหล็ก (iron chelators) ยานี้ทำงานโดยการเกาะติดกับธาตุเหล็กทำให้ร่างกายของคุณกำจัดธาตุเหล็กส่วนเกินออกไปทางปัสสาวะ
วิธีการใช้ยา ดีเฟอริโพรน
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือ วันละ 3 ครั้ง (เช้า กลางวัน เย็น) การรับประทานยานี้พร้อมกับอาหารอาจจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้
หากคุณกำลังใช้ยาน้ำ ควรอ่านคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยก่อนใช้ยา ควรตวงยาอย่างระมัดระวังโดยใช้อุปกรณ์หรือช้อนสำหรับตวงยา อย่าใช้ช้อนธรรมดาเพราะอาจจะได้ขนาดยาที่ไม่ถูกต้อง หลังจากที่คุณดื่มยาในแต่ละครั้งแล้ว ควรเทน้ำใส่อุปกรณ์หรือช้อนสำหรับตวงยาแล้วดื่มส่วนผสมนั้นตามลงไปอีก
รับประทานยานี้ให้ห่างกัน 4 ชั่วโมงกับผลิตภัณฑ์อื่นที่อาจจะผูกติดกับยานี้แล้วลดประสิทธิภาพของยา โปรดสอบถามเภสัชกรเกี่ยวกับยาอื่นที่คุณกำลังใช้ เช่น ยาลดกรด วิตามินหรือแร่ธาตุ (ยาที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก อะลูมิเนียม สังกะสี) และอื่นๆ
ขนาดยาขึ้นอยู่กับภาวะทางสุขภาพ น้ำหนักตัว และการตอบสนองต่อการรักษา (รวมถึงผลการตรวจในห้องแล็บ) คุณอาจจำเป็นต้องปรับหรือหยุดการรักษาหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างระมัดระวัง และไปตามนัดของแพทย์หรือห้องแล็บทุกครั้ง
ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำ จึงควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
การเก็บรักษายาดีเฟอริโพรน
ยาดีเฟอริโพรนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาดีเฟอริโพรนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาดีเฟอริโพรนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาดีเฟอริโพรน
ก่อนใช้ยาดีเฟอริโพรน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ โรคตับ และภาวะจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำ
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
ในช่วงขณะตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ยานี้อาจจำเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา หากคุณตั้งครรภ์หรือคิดว่าอาจจะตั้งครรภ์โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายาดีเฟอริโพรนนั้นจะผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ เนื่องจากมีโอกาสในการเกิดความเสี่ยงต่อทารกจึงไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ขณะที่กำลังให้นมบุตร และควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาดีเฟอริโพรนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาดีเฟอริโพรน
อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือปวดข้อต่อ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
ยานี้อาจทำให้ปัสสาวะของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมแดง ซึ่งไม่มีอันตรายและจะหายไปหลังจากที่หยุดใช้ยา
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด อุจจาระเป็นเลือด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาดีเฟอริโพรนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาดีเฟอริโพรนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาดีเฟอริโพรนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาดีเฟอริโพรนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคธาลัสซีเมีย
ขนาดยาเริ่มต้น 25 มก./กก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง (ขนาดยาโดยรวมต่อวันคือ 75 มก./กก.)
ขนาดยาสูงสุด 33 มก./กก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง (ขนาดยาโดยรวมต่อวันคือ 99 มก./กก.)
คำแนะนำ
-ปัดค่าขนาดยาให้ใกล้เคียงกับขนาด 250 มก. (ครึ่งเม็ด)
-ปรับขนาดยาโดยขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยและเป้าหมายการรักษา (เพื่อรักษาระดับหรือเพื่อลดปริมาณของธาตุเหล็ก)
-การยอมรับนั้นขึ้นอยู่กับการลดของเซรั่มเฟอร์ริติน (serum ferritin) ไม่มีผลการทดลองที่แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ของการรักษาโดยตรง (เช่นอาการดีขึ้น การทำงานดีขึ้น หรือรอดชีวิต)
-ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพสำหรับการรักษาผู้ป่วยภาวะเหล็กเกินจากการถ่ายเลือดที่มีภาวะโลหิตจางอื่นๆ ร่วมด้วย
การใช้งาน เพื่อรักษาภาวะเหล็กเกินจากการถ่ายเลือดเนื่องจากอาการของโรคธาลัสซีเมียเมื่อการทำคีเลชั่นบำบัด (chelation therapy) ในปัจจุบันนั้นไม่เพียงพอ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะเหล็กเกิน
ขนาดยาเริ่มต้น 25 มก./กก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง (ขนาดยาโดยรวมต่อวันคือ 75 มก./กก.)
ขนาดยาสูงสุด 33 มก./กก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง (ขนาดยาโดยรวมต่อวันคือ 99 มก./กก.)
คำแนะนำ
-ปัดค่าขนาดยาให้ใกล้เคียงกับขนาด 250 มก. (ครึ่งเม็ด)
-ปรับขนาดยาโดยขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยและเป้าหมายการรักษา (เพื่อรักษาระดับหรือเพื่อลดปริมาณของธาตุเหล็ก)
-การยอมรับนั้นขึ้นอยู่กับการลดของเซรั่มเฟอร์ริติน ไม่มีผลการทดลองที่แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ของการรักษาโดยตรง (เช่น อาการดีขึ้น การทำงานดีขึ้น หรือรอดชีวิต)
-ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพสำหรับการรักษาผู้ป่วยภาวะเหล็กเกินจากการถ่ายเลือดที่มีภาวะโลหิตจางอื่นๆ ร่วมด้วย
การใช้งาน เพื่อรักษาภาวะเหล็กเกินจากการถ่ายเลือดเนื่องจากอาการของโรคธาลัสซีเมียเมื่อการทำคีเลชั่นบำบัดในปัจจุบันนั้นไม่เพียงพอ
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยที่มีตับบกพร่องในระดับน้อยหรือปานกลาง
การปรับขนาดยา
-หากระดับของเซรั่มเฟอร์ริตินนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องลงมาต่ำกว่า 500 ไมโครกรัม/ลิตร ควรพิจารณาหยุดการรักษาชั่วคราว
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
-แนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาในตอนเช้า กลางวัน และเย็น
-รับประทานยาพร้อมกับอาหารเพื่อลดอาการคลื่นไส้
-หากลืมใช้ยา ควรใช้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้ หากใกล้จะถึงเวลาใช้ยาครั้งถัดไป ควรข้ามไปเลย อย่าเพิ่มปริมาณยา
การเฝ้าระวัง
-เฝ้าระวังระดับของเซรั่มเฟอร์ริตินเป็นประจำทุกๆ 2 ถึง 3 เดือน
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
-แนะนำให้ผู้ป่วยรีบแจ้งให้แพทย์ทราบหากเกิดอาการ เช่น เป็นไข้ เจ็บคอ หรือมีอาการคล้ายดรคไข้หวัดใหญ่
ขนาดยาดีเฟอริโพรนสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ด
- ยาแคปซูล
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]