backup og meta

ดีเอชอีเอ (DHEA)

สรรพคุณดีเอชอีเอ

ดีเอชอีเอมีมักถูกนำมาใช้เพื่อการชะลอวัย พัฒนาทักษะการคิดในผู้สูงอายุ และชะลออาการของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์

ดีเอชอีเอยังมีประโยชน์สำหรับความบกพร่องทางเพศ และช่วยพัฒนาความสุขและเพศวิถีของผู้ชายและผู้หญิง อีกทั้งช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน มะเร็งเต้านม การมีบุตรยาก โรคเบาหวาน กลุ่มอาการเมตาโบลิก (metabolic syndrome)

ในบางกรณี การรับประทานดีเอชอีเอยังช่วยรักษาการเจ็บป่วยประเภทอื่น เช่น

  • โรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • ความเจ็บป่วยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่มีลักษณะโรคปากแห้งตาแห้ง (Sjögren‘s syndrome)
  • กระดูกอ่อน (กระดูกพรุน)
  • ลักษณะกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยน ที่กล้ามเนื้อพิการที่หน้าและคอลีบ
  • กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ เอ็น และเนื้อเยื่ออ่อน
  • โรคระบบประสาทมีการเสื่อมของปลอกประสาท (MS)
  • ระดับฮอร์โมนสตีรอยด์ต่ำ (โรคแอดดิสัน)
  • ภาวะซึมเศร้า
  • โรคจิตเภท
  • กลุ่มอาการเพลียเรื้อรัง (CFS)
  • กล้ามเนื้อเสียหายจากการออกกำลังกาย
  • โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
  • โรคพาร์กินสัน
  • อาทิเชีย พิวบิส (Atrichia pubis)
  • การลดน้ำหนัก
  • อาการของวัยหมดประจำเดือน
  • โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์
  • การเสื่อมสภาพของผิว

บางครั้งผู้ป่วยเอชไอวี (HIV) รับประทานดีเอชอีเอเพื่อบรรเทาภาวะซึมเศร้าและความล้า  

สำหรับผู้หญิงที่ใช้ดีเอชอีเอภายในช่องคลอด ทำให้ผนังช่องคลอดแข็งแรงขึ้น เพิ่มความหนาแน่นมวลกระดูก และรักษาความบกพร่องทางเพศ และพยาธิสภาพระยะแรกเริ่มของมะเร็งปากมดลูก

บางคนใช้ดีเอชอีเอทางเส้นเลือดดำเพื่อการชักนำให้เจ็บครรภ์คลอด และโรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยนที่กล้ามเนื้อพิการที่หน้าและคอลีบ

บางคนฉีดดีเอชอีเอเพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงิน

ดีเอชอีเออาจจะใช้สำหรับอาการอื่นได้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร

กลไกการออกฤทธิ์

ดีเอชอีเอคือฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมหมวกไตซึ่งอยู่ใกล้ไตและอยู่ในตับ สำหรับผู้ชาย อัณฑะหลั่งดีเอชอีเอและร่างกายจะเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งเรียกว่าแอนโดรสตีนไดโอน(androstenedione) ต่อจากนั้นแอนโดรสตีนไดโอน (androstenedione) เปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเพศชายและหญิง

ระดับของดีเอชอีเอดูอาจลงลง เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ที่อยู่ในสภาวะซึมเศร้ามักอาจทำให้ระดับดีเอชอีเอต่ำลง    นักวิจัยบางส่วนคิดว่าการให้ดีเอชอีเอเป็นอาหารเสริมอาจป้องกันโรคและความเจ็บป่วย

กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร หรือ แพทย์ 

ข้อควรระวังและคำเตือน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ดีเอชอีเอ

ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ถ้า:

  • กำลังตั้งครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร เพราะเป็นช่วงที่ควรใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
  • กำลังใช้ยาประเภทอื่น รวมถึงยาทุกชนิดที่ไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์
  • แพ้สารที่อยู่ในเพชรสังฆาต หรือยาและสมุนไพรอื่น ๆ
  • มีอาการป่วย ความผิดปกติ หรือ พยาธิสภาพ
  • เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้สีย้อม แพ้สารกันบูด หรือแพ้สัตว์

ข้อกำหนดในการใช้อาหารเสริมสมุนไพรมีความเข้มงวดน้อยกว่าการใช้ยาทั่วไป แต่ควรศึกษาให้รอบคอบเพื่อรับรองความปลอดภัยของการใช้สมุนไพร ว่าควรเกิดคุณประโยชน์มากกว่าอันตราย และควรปรึกษาแพทย์หรือหมอสมุนไพรเพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ดีเอชอีเอปลอดภัยแค่ไหน

เด็ก:

ยังไม่มีการทดสอบความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของดีเอชอีเอกับเด็ก ดีเอชอีเออาจจะแทรกแซงการพัฒนาของฮอร์โมน

หญิงตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร:

การใช้ดีเอชอีเอในระหว่างที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรอาจเป็นอันตรายได้ เพราะอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่าแอนโดรเจนสูงกว่าปกติและเป็นอันตรายกับทารกได้ ไม่ควรใช้ดีเอชอีเอในระหว่างตั้งครรภ์หรือช่วงให้นมบุตร

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ดีเอชอีเอ

ดีเอชอีเออาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผู้หญิง ดังนี้

  • ผิวมัน
  • การเพิ่มขึ้นของขนอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
  • เสียงทุ้ม
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • ขนาดของหน้าอกเล็กลง
  • ขนาดของอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น

และอาจเกิดผลข้างเคียงกับผู้ชาย ดังนี้

  • อาการเจ็บเต้านม
  • อาการอยากถ่ายปัสสาวะทันทีทันใด
  • ความก้าวร้าว
  • การลดขนาดของอัณฑะ

ทั้งผู้หญิงและผู้ชายได้รับผลข้างเคียง ดังนี้

  • สิว
  • ปัญหาการนอน
  • อาการปวดหัว
  • อาการคลื่นไส้
  • ผิวหนังมีอาการคัน
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลง

แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับทุกคน และอาจมีอาการจากผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หากมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องผลข้างเคียง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร หรือ แพทย์

ปฏิกิริยาระหว่างใช้ยา

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ดีเอชอีเอร่วมกับสารอื่น

ดีเอชอีเออาจทำปฏิกิริยากับยาที่กำลังใช้หรือส่งผลกระทบกับการรักษาในปัจจุบัน ดังนั้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้

ตัวยาที่อาจทำปฏิกิริยากับดีเอชอีเอ ได้แก่

ยาแอนแอสโทรโซล (Anastrozole ชื่อการค้า Arimidex)

ยาแอนแอสโทรโซลช่วยเพิ่มเอสโตรเจน(estrogen) ในร่างกาย การใช้ดีเอชอีควบคู่กับยาแอนแอสโทรโซลอาจจะลดประสิทธิภาพของยาแอนแอสโทรโซล

ยาเอ็กซ์เซเมสเทน (Exemestane ชื่อการค้า Aromasin)

ร่างกายเปลี่ยนดีเอชอีเอเป็นเอสโตรเจน ยาเอ็กซ์เซเมสเทนช่วยลดเอสโตรเจนในร่างกาย ดังนั้นการใช้ดีเอชอีเอควบคู่กับยาเอ็กซ์เซเมสเทนอาจจะลดประสิทธิภาพของยาเอ็กซ์เซเมสเทน

ยาฟูลเวสแทรนต์ (Fulvestrant ชื่อการค้า Faslodex)

ฮอร์โมนในร่างกายส่งผลกับมะเร็งบางชนิด ระดับเอสโตรเจนในร่างกายส่งผลกับโรคมะเร็งที่ตอบสนองต่อเอสโตรเจน ยาฟูลเวสแทรนต์ใช้สำหรับมะเร็งชนิดนี้ ดีเอชอีเออาจเพิ่มเอสโตรเจนในร่างกาย และลดประสิทธิภาพของยาฟูลเวสแทรนต์ในการรักษามะเร็ง

อินซูลิน

อินซูลินใช้ลดน้ำตาลในเลือด และสามารถลดปริมาณดีเอชอีเอในร่างกาย อินซูลินอาจลดประสิทธิภาพของอาหารเสริมดีเอชอีเอด้วย หากลดปริมาณดีเอชเอ

ยาเลโทรโซล (Letrozole ชื่อการค้า Femara) 

ระดับเอสโตรเจนในร่างกายส่งผลกับโรคมะเร็งที่ตอบสนองต่อเอสโตรเจน ยาเลโทรโซลใช้สำหรับมะเร็งชนิดนี้ ดีเอชอีเออาจเพิ่มปริมาณเอสโตรเจนในร่างกายและลดประสิทธิภาพของยาเลโทรโซลที่รักษามะเร็ง

ตับเปลี่ยนการทำงานของยา ยาไซโทโครม (Cytochrome P450 3A4 (CYP3A4) substrates)

ดีเอชอีเออาจลดความรวดเร็วการย่อยยาบางชนิดของตับ การใช้ดีเอชอีเอร่วมกับยาบางประเภทที่เกิดการย่อยโดยตับ สามารถทำให้เกิดผลและผลข้างเคียงของยาบางชนิด ก่อนการใช้ดีเอชอีเอ ควรปรึกษาแพทย์ หากกำลังใช้ยาที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยตับ

ยาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากตับ ประกอบด้วย ยาโลวาสแตติน (lovastatin (มีชื่อการค้า Mevacor)) ยาคีโตโคนาโซล (ketoconazole (มีชื่อการค้า Nizoral)) ยาไอทราโคนาโซล (itraconazole (มีชื่อการค้า Sporanox)) ยาเฟกโซเฟนาดีน ( fexofenadine (มีชื่อการค้า Allegra)) ยาไตรอาโซแลม (triazolam (มีชื่อการค้า Halcion)) และอื่นๆอีกมากมาย

ยาทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen ชื่อการค้า Nolvadex)

ระดับเอสโตรเจนในร่างกายส่งผลกับโรคมะเร็งที่ตอบสนองต่อเอสโตรเจน ยาทาม็อกซิเฟนช่วยรักษาและป้องกันมะเร็งชนิดนี้ ดีเอชอีเอเพิ่มระดับเอสโตรเจนในร่างกาย ดีเอชอีเออาจลดประสิทธิภาพของยาทาม็อกซิเฟนด้วยการเพิ่มปริมาณดีเอชอีเอในร่างกาย

ยาไตรอาโซแลม (ชื่อการค้า Halcion)

ร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงยาไตรอาโซแลมเพื่อกำจัด ดีเอชอีเออาจลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อร่างกายเปลี่ยนแปลงยาไตรอาโซแลม ดังนั้นการใช้ดีเอชอีเอร่วมกับยาไตรอาโซแลมอาจจะลดผลและผลกระทบของยาเอ็กซ์เซเมสเทน

แจ้งแพทย์เมื่อคุณมีความเจ็บป่วยนี้

โรคเบาหวาน:

ดีเอชอีเอส่งผลกระทบกับการทำงานของอินซูลินในร่างกาย ถ้าเป็นโรคเบาหวานและใช้ดีเอชอีเอ ควรตรวจสอบน้ำตาลในเลือดอย่างระมัดระวัง

ความเจ็บป่วยที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก

ดีเอชอีเอคือฮอร์โมนที่ส่งผลกระทบการทำงานของเอสโตรเจนในร่างกาย ถ้ามีความเจ็บป่วยที่อาจทำให้การรับเอสโตรเจนแย่ลง อย่าใช้ดีเอชอีเอ

คอลเลสเตอรอลสูง

ดีเอชอีเออาจทำให้คอลเลสเตอรอลชนิดดี (high lipoprotein cholesterol, HDL) ต่ำลง ถ้าระดับ HDL ต่ำมากอยู่แล้ว ควรปรึกษาหมอเกี่ยวกับดีเอชอีเอก่อนเริ่มใช้

ตับมีปัญหา

ดีเอชอีเออาจทำให้ปัญหาตับแย่ลง ไม่ควรใช้ดีเอชอีเอ หากมีปัญหาเกี่ยวกับตับ

ภาวะซึมเศร้า และ โรคอารมณ์แปรปรวน

การใช้ดีเอชอีเอในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคซึมเศร้าและโรคอารมณ์สองขั้วอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเกี่ยวกับสภาพจิตใจ ดีเอชอีเออาจเป็นเหตุทำให้เกิดโรคจิตอารมณ์คลั่ง (ภาวะที่ไวต่อการเร่งเร้าหรือถูกกระตุ้น และ ลักษณะหุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจในการกระทำต่างๆ) อาการหงุดหงิด แสดงอาการทางเพศที่ไม่เหมาะสม มีอารมณ์แปรปรวน หากเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยก่อนการใช้ และควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของตนเองอย่างใกล้ชิด

ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS):

การใช้ดีเอชอีเออาจทำให้อาการเจ็บป่วยแย่ลง ไม่ควรใช้ดีเอชอีเอ หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ

ขนาดยา

ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้ยานี้ทุกครั้ง

ปริมาณในการใช้ดีเอชอีเอ

ชนิดรับประทาน:

สำหรับผิวเสื่อมสภาพ:

ใช้ดีเอชอีเอ 50 กรัมทุกวัน เป็นเวลา 12 เดือน

สำหรับ ภาวะซึมเศร้า

ใช้ดีเอชอีเอ 30 450 มก. ทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ทั้งใช้โดยลำพังหรือใช้ร่วมกับยารักษาอาการซึมเศร้า เพิ่มการใช้ดีเอชอีเอได้จนถึง 500 มก. ได้ทุกวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์

สำหรับภาวะต่อมหมวกไตเสียการทำงาน (ปัญหาการผลิตฮอร์โมน)

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 12 200 มิลลิกรัม ทุกวัน จนถึง 12 เดือน

สำหรับเอดส์/เอชไอวี

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 502 250 มิลลิกรัม ทุกวัน จนถึง 16 สัปดาห์

สำหรับการเพิ่มความหนาแน่นมวลกระดูก  

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 50 200 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 2 ปี

สำหรับกลุ่มอาการเพลียเรื้อรัง

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 500 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลาจนถึง 6 เดือน

สำหรับโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD):

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 200 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 12 เดือน

สำหรับความผิดปกติด้านความจำ

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 400 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 6 เดือน

สำหรับโรคเบาหวาน:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 75 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 1 ปี ขนาดยาดีเอชอีเอเพิ่มขึ้นเป็น 1600 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นเวลา 28 วัน

สำหรับการขาดยา

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 100 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ และ 12 เดือน

สำหรับกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ เอ็น และเนื้อเยื่ออ่อน:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 50 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 3 เดือน

สำหรับโรคหัวใจ:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 150 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 2 ปี

สำหรับยากระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 50 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 20 สัปดาห์

สำหรับการมีบุตรยาก:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 80 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ จนถึง 4  เดือน

สำหรับโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 200 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 56 วัน

สำหรับโรคลูปัส

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 20 200 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 2 ปี

สำหรับวัยหมดประจำเดือน

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 10 50 มิลลิกรัม ทุกวัน จนถึง 12 เดือน อีกทางเลือกขนาดยาดีเอชอีเอ-เอส 100 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 3 เดือน

สำหรับป้องกันการแท้งโดยธรรมชาติ

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน

สำหรับเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 50 150 มิลลิกรัม ทุกวัน จนถึง 12 เดือน

สำหรับโรคกล้ามเนื้อพิการคือที่หน้าและคอลีบ

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 100 มิลลิกรัม และ 400 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ อีกทางเลือก ฉีดยาดีเอชอีเอ-เอสเข้าเส้นเลือดขนาด 200 มิลลิกรัม เป็นเวลา 8 สัปดาห์

สำหรับโรคอ้วน:

ขนาดยาดีเอชอีเอ 7โอเอ็กซ์โอดีเอชอีเอ หรือ 7เคโตที่แนะนำคือ 50 200 มิลลิกรัม ทุกวัน จนถึง 12 เดือน อีกทางเลือกขนาดยาดีเอชอีเอ 400 มิลลิกรัม 4 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 28 วัน ขนาดยาดีเอชอีเอ 40 มิลลิกรัมไว้ใต้ลิ้น 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์

สำหรับผู้ชายวัยทอง

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 มิลลิกรัม เป็นเวลา 1 ปี

สำหรับโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 200 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 16 สัปดาห์

สำหรับโรคจิตเภท:

ขนาดยาดีเอชอีเอเริ่มต้นที่ 25 มิลลิกรัม เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ต่อจากนั้นแบ่งยา 50 มิลลิกรัมสำหรับ 2 สัปดาห์ และ แบ่งยา 100 มิลลิกรัม ใช้ทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ อีกทางเลือก ขนาดยาดีเอชอีเอ 200 หรือ 400 มิลลิกรัม ใช้จนถึง 8 สัปดาห์

สำหรับความบกพร่องทางเพศ/ความรู้สึกทางเพศ/การไร้สมรรถภาพทางเพศ

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 75 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 6 เดือน สำหรับขนาดยาดีเอชอีเอที่ใช้เพียงครั้งเดียว คือ 300 มิลลิกรัม อีกทางเลือก ขนาดยาดีเอชอีเอ 90 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ต่อจากนั้น 450 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ การเพิ่มขนาดยาดีเอชอีเอจาก 100 มิลลิกรัม ถึง 400 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ (เพิ่ม 100 มิลลิกรัมในช่วงเวลาของสัปดาห์)

สำหรับโรคปากแห้งตาแห้ง:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 50 200 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 1 ปี

การฉีดเข้าหลอดเลือดดำ:

สำหรับความผิดปกติด้านความจำ

ขนาดยาดีเอชอีเอ-เอส 200 มิลลิกรัม ฉีดเข้าเส้นเลือดดำทุกวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์

สำหรับโรคเบาหวาน:

ขนาดยาดีเอชอีเอที่แนะนำคือ 25 75 มิลลิกรัม เป็นเวลาจนถึง 1 ปี ขนาดยาดีเอชอีเอเพิ่มขึ้นเป็น 1600 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นเวลา 28 วัน ฉีดดีเอชอีเอไหลเข้าหลอดเลือด 1 มิลลิกรัม ทุกชั่วโมง เป็นเวลา 17 ชั่วโมง

สำหรับการชักนำให้เจ็บครรภ์คลอด

ละลายดีเอชอีเอ-เอส 10 มิลลิกรัม ในสารละลายกลูโคส 5% 10 มิลลิลิตร และฉีดเข้าเส้นเลือด 2 ครั้งต่อสัปดาห์หลังจากตั้งครรภ์ 38 สัปดาห์ ขนาดยาดีเอชอีเอ-เอส 100 มิลลิกรัม ในสารละลายลีวูโลส 5% 250 มิลลิลิตร ฉีดเข้าเส้นเลือดเป็นเวลา 3 วัน

อีทางเลือก ขนาดยาดีเอชอีเอ-เอส 200 มิลลิกรัมฉีดเข้าเส้นเลือด 1 หรือ 2 ต่อสัปดาห์ เริ่มเมื่อตั้งครรภ์ 37 สัปดาห์ ขนาดยาที่ใช้หลายครั้ง ดีเอชอีเอ-เอส 50 มิลลิกรัม หรือ 100 มิลลิกรัมฉีดช่วงระหว่างตั้งครรภ์ 38 42 สัปดาห์

สำหรับโรคสะเก็ดเงิน:

ฉีดดีเอชอีเอ-อีแนนเธต (DHEAenanthate) เข้าที่กล้ามเนื้อทุกวัน

ใช้เฉพาะที่

สำหรับผิวเสื่อมสภาพ:

ใช้ครีมดีเอชอีเอ 1% ทาบนหน้าและมือ 2 ครั้งต่อวัน ได้นานถึง 4 เดือน

ภาวะช่องคลอดแห้ง:

ขนาดยาดีเอชอีเอ 0.25% 0.5% และ 1.0% ใช้กับช่องคลอดในแต่ละวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์

ผู้ป่วยแต่ละคนอาจใช้ดีเอชอีเอในปริมาณที่แตกกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพ และเงื่อนไขอื่น ๆ สมุนไพรไม่ได้รับรองความปลอดภัยเสมอไป ควรสอบถามแพทย์สำหรับปริมาณการใช้ที่เหมาะสมกับตนเอง

รูปแบบของดีเอชอีเอเป็นอย่างไร

รูปแบบของดีเอชอีเออาจพบได้ดังต่อไปนี้:

  • ดีเอชอีเอแบบครีม
  • ดีเอชอีเอแบบแคปซูล
  • ดีเอชอีเอแบบยาเม็ด

*** Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ วินิจฉัย หรือ การรักษาแต่อย่างใด ***

[embed-health-tool-bmi]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

DHEA. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-331-dhea.aspx?activeingredientid=331. Accessed November 21, 2016

DHEA. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/dhea/background/hrb-20059173. Accessed November 21, 2016

 

เวอร์ชันปัจจุบัน

08/12/2017

เขียนโดย Ploylada Prommate

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


บทความที่เกี่ยวข้อง

ปวดฟันมาก ใช้ ยาแก้ปวดฟัน แบบไหนดี

โคเอนไซม์คิวเทน (CoQ10) เชื่อมโยงกับ สุขภาพหัวใจ อย่างไร


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Ploylada Prommate · แก้ไขล่าสุด 08/12/2017

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา