ข้อบ่งใช้
ยาทามอคซิเฟนใช้สำหรับ
ยาทามอคซิเฟน (Tamoxifen) เป็นยาที่ใช้รักษามะเร็งเต้านม ที่ลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกาย (metastatic breast cancer) เพื่อรักษามะเร็งเต้านมในผู้ป่วยบางประเภท หลังเข้ารับการผ่าตัด และการรักษาด้วยรังสีบำบัด และเพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
ยาตัวนี้จะไปขัดขวางการเติบโตของมะเร็งเต้านม ตัวยาจะทำงานโดยไปขัดขวางผลกระทบของเอสโตรเจนในเนื้อเยื่อหน้าอก
วิธีการใช้ยาทามอคซิเฟน
อ่านคู่มือทางการแพทย์ที่ได้รับมาจากเภสัชกรของคุณ ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้ยาทามอคซิเฟน และในแต่ละครั้งที่คุณไปรับยาชุดใหม่ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ ปรึกษาหมอหรือเภสัชกรของคุณ
รับประทานเพียงยาอย่างเดียว หรือพร้อมกับอาหาร 1-2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 5 ปี หรือตามที่หมอของคุณสั่ง ขนาดยาต่อวันที่รับประทานมากกว่า 20 มิลลิกรัม มักจะแบ่งครึ่ง และรับประทาน 2 ครั้งต่อวัน ในช่วงเช้าและช่วงเย็น หรือตามที่หมอของคุณสั่ง หากคุณใช้ในรูปแบบยาน้ำ วัดขนาดยาโดยใช้เครื่องมือ/ช้อนวัดอย่างระมัดระวัง อย่าใช้ช้อนกินอาหาร เนื่องจากคุณอาจไม่ได้ระดับของขนาดยาที่ถูกต้อง
ขนาดยาขึ้นอยู่กับอาการทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ
ใช้ยาตัวนี้เป็นประจำ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด การใช้ยาเวลาเดิมในทุกๆวัน จะช่วยให้คุณจำได้ง่ายขึ้น
หากคุณเป็นมะเร็งเต้านมที่อาการลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกาย คุณอาจประสบกับอาการปวดกระดูก/มะเร็ง และ/หรือ โรคประทุขึ้นมาในขณะที่คุณเริ่มรับประทานยาทามอคซิเฟน ในบางกรณี สิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณที่ดีของการตอบสนองต่อการรักษา อาการต่างๆ ได้แก่ เจ็บกระดูกมากขึ้น เนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีเนื้องอกชิ้นใหม่เกิดขึ้น อาการเหล่านี้ มักจะหายไปได้เองอย่างรวดเร็ว ในกรณีใดๆ ก็ตาม รายงานอาการเหล่านี้ต่อหมอของคุณทันที
เนื่องจากยาตัวนี้ สามารถดูดซึมเข้าผิวหนังและปอดได้ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรืออาจจะตั้งครรภ์ ไม่ควรใช้ยาตัวนี้ หรือสูดหายใจเอาตัวยาเข้าไป (ดูหัวข้อ ข้อควรระวัง)
แจ้งหมอของคุณทันที หากอาการของคุณทรุดลง (อย่างเช่น เกิดก้อนเนื้อในหน้าอก)
วิธีเก็บรักษายาทามอคซิเฟน
ยาทามอคซิเฟนจะเก็บรักษาได้ดีที่สุดในอุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากแสงแดดและความชื้น เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของตัวยา คุณไม่ควรเก็บยาทามอคซิเฟนในห้องน้ำหรือช่อแช่แข็ง อาจมียาทามอคซิเฟนหลายยี่ห้อที่ต้องการการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญเสมอในการตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ของยาสำหรับคำแนะนำในการเก็บรักษา หรือสอบถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
คุณไม่ควรทิ้งยาทามอคซิเฟนลงในชักโครก หรือทิ้งลงท่อระบายน้ำ นอกจากว่าได้รับคำแนะนำดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญในการทิ้งยาให้เหมาะสม เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ปรึกษากับเภสัชกรของคุณสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการทิ้งยาของคุณอย่างไรให้ปลอดภัย
รู้จักกับข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาทามอคซิเฟน
ในการตัดสินใจใช้ยา จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักของประโยชน์และความเสี่ยงของการรับประทานยา นี่คือการตัดสินใจที่คุณและแพทย์จะต้องทำ สำหรับยาตัวนี้ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้
อาการแพ้
บอกหมอของคุณ หากคุณเคยมีอาการผิดปกติหรืออาการแพ้ใดๆ ต่อยาตัวนี้ หรือยาตัวอื่นๆ นอกจากนี้ คุณควรบอกผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของคุณทราบ หากคุณมีอาการแพ้ประเภทอื่นๆ เช่น อาหาร สีย้อม สารกันบูดหรือสัตว์ สำหรับผลิตภัณฑ์ยาที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ อ่านฉลากหรือส่วนผสมบนบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด
ผู้สูงอายุ
ไม่มีงานวิจัยในการใช้ยาหลายชนิดในผู้สูงอายุ ดังนั้น มันอาจยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ประสิทธิภาพของยาได้ผลตรงกับที่เกิดในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่าหรือไม่ แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลเฉพาะในการเปรียบเทียบการใช้ยาทามอคซิเฟน ในผู้สูงอายุกับกลุ่มอายุอื่นๆ คาดกันว่ายาตัวนี้จะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือปัญหาที่แตกต่างกันในผู้สูงอายุมากกว่าที่เกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่
ความปลอดภัยในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับวิธีใช้ยาตัวนี้ ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ทุกครั้งโปรดปรึกษากับหมอของคุณ เพื่อประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนใช้ยา
รู้จักกับผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาทามอคซิเฟน
เข้ารับความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที หากคุณมีสัญญาณใดๆ ก็ตามของปฏิกิริยาภูมิแพ้ โรคลมพิษ ปัญหาในการหายใจ อาการบวมบนใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้นและคอ
หยุดใช้ยาทามอคซิเฟน และโทรแจ้งหมอของคุณทันที หากคุณมีผลข้างเคียงรุนแรง ได้แก่
- อาการชาหรืออ่อนแรงฉับพลัน โดยเฉพาะบริเวณฝั่งใดฝั่งหนึ่งของร่างกาย
- มีอาการปวดหัว สับสน ปัญหาการมองเห็น การพูดและการทรงตัวอย่างรุนแรง
- เจ็บหน้าอก ไอฉับพลัน หายใจลำบาก หายใจเร็ว ชีพจรหัวใจเต้นเร็ว
- มีอาการเจ็บ บวม ร้อนหรือรอยแดงที่ขาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
- อาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร กระหายน้ำมากขึ้น กล้ามเนื้ออ่อนแรง สับสน และรู้สึกเหนื่อยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
- มีความผิดปกติของการตกเลือดหรือสารคัดหลั่งจากช่องคลอด
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- อาการเจ็บบริเวณกระดูกเชิงกราน
- มองเห็นไม่ชัด เจ็บตา หรือมองเห็นรัศมีวงกลมรอบดวงไฟ
- เกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย อาการเลือดออกผิดปกติ (จมูก ปาก ช่องคลอดหรือลำไส้) มีจุดสีแดงหรือสีม่วงใต้ผิวหนัง
- เป็นไข้ สั่น เจ็บตามร่างกาย อาการหวัด
- ก้อนเนื้อในหน้าอก หรือ
- เจ็บกระเพาะส่วนบน อาการคัน ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระเป็นสีเทา ดีซ่าน (ผิวหนังและดวงตาเป็นสีเหลือง)
อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงเกิดขึ้น ได้แก่
- ตัวร้อนวูบวาบ
- เจ็บกระดูกหรือข้อหรือเจ็บเนื้องอก
- อาการบวมที่มือและเท้า
- ช่องคลอดแห้งหรือระคายเคือง
- แรงขับเคลื่อนทางเพศลดลง การไร้สมมรถภาพทางเพศ หรือมีปัญหาในการถึงจุดสุดยอด
- ปวดหัว เวียนหัว ซึมเศร้า หรือ
- ผมร่วง
ไม่ใช่ทุกคนจะพบผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงบางอาการที่ไม่มีอยู่ด้านบน หากคุณมีความกังวลใดๆเกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณ
รู้จักกับปฏิกิริยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาทามอคซิเฟนอาจทำปฏิกิริยากับยาตัวอื่นที่คุณใช้อยู่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาของยา คุณควรจดรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้อยู่ (ทั้งยาที่ต้องใช้ใบสั่งยา ยาที่ไม่ใช้ใบสั่งแพทย์และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร) และให้หมอและเภสัชกรของคุณดู เพื่อความปลอดภัยของคุณอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากหมอ
ไม่แนะนำให้ใช้ยาตัวนี้ร่วมกับยาดังต่อไปนี้ หมอของคุณอาจตัดสินใจไม่รักษาคุณพร้อมกับยาตัวนี้หรือเปลี่ยนชนิดยาที่คุณกำลังรับประทานอยู่
- ยาอะมิแฟมพรีดิน (Amifampridine)
- ยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole)
- ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
- ยาเนลฟินาเวียร์ (Nelfinavir)
- ยาไพเพอราควิน (Piperaquine)
- ยาโพซาโคนาโซล (Posaconazole)
- ยาวาร์ฟาริน (Warfarin)
ไม่แนะนำให้ใช้ยาตัวนี้ร่วมกับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นต้องใช้ร่วมกันในบางกรณี หากมียาที่ถูกจ่ายพร้อมกับยาตัวนี้ หมอของคุณอาจเปลี่ยนตัวยา หรือจำนวนครั้งของการใช้ยาตัวหนึ่ง หรือตัวยาทั้งสองชนิด
- ยาอะบิราเทโรน อะซีเตท (Abiraterone Acetate)
- ยาอะเซโนคูมารอล (Acenocoumarol)
- ยาอะนาเกรไลด์ (Anagrelide)
- ยาอะพรีพิแทนท์ (Aprepitant)
- ยาอะริพิพราโซล (Aripiprazole)
- ยาบูเซเรลิน (Buserelin)
- ยาคาร์บามาเซพิน (Carbamazepine)
- ยาเซริทินิบ (Ceritinib)
- ยาคลอโพรมาซิน (Chlorpromazine)
- ยาคลาริโทรมายซิน (Clarithromycin)
- ยาโคลบาแซม (Clobazam)
- ยาโคบิซิสแทท (Cobicistat)
- ยาคริโซตินิบ (Crizotinib)
- ยาไซโครโฟสฟาไมด์ (Cyclophosphamide)
- ยาเดบราเฟนิบ (Dabrafenib)
- ยาเดลามานิด (Delamanid)
- ยาเดซิพรามีน (Desipramine)
- ยาเดสโลเรลิน (Deslorelin)
- ยาดิคูมารอล (Dicumarol)
- ยาดอมเพริดอน (Domperidone)
- ยาเอสซิตาโลแพรม (Escitalopram)
- ยาเอสลิคาร์บาเซพิน อะซีเตท (Eslicarbazepine Acetate)
- ยาฟลูโอรัวราซิล (Fluorouracil)
- ยาฟลูออกเซติน (Fluoxetine)
- ยาฟลูฟีนาซีน (Fluphenazine)
- ยาฟลูวอคซามีน (Fluvoxamine)
- ยาโฟซาพีพิแทนท์ (Fosaprepitant)
- ยาเจนิสทีน (Genistein)
- ยาโกนาโดเรลิน (Gonadorelin)
- ยาโกเซเรลิน (Goserelin)
- ยาฮิสเตรลิน (Histrelin)
- ยาไอเดลาลิซิบ (Idelalisib)
- ยาไอพริฟลาโวน (Ipriflavone)
- ยาไอวาบราดีน (Ivabradine)
- ยาลิวโพรดีน (Leuprolide)
- ยาเมโทเทรเซต (Methotrexate)
- ยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole)
- ยาไมโทมายซิน (Mitomycin)
- ยาไมโทเทน (Mitotane)
- ยามอคซิโฟรซาซิน (Moxifloxacin)
- ยานาฟาเรลิน (Nafarelin)
- ยานิโลทานิบ (Nilotinib)
- ยานิทิซิโนน (Nitisinone)
- ยาออนดานเซตรอน (Ondansetron)
- ยาพาโรเซติน (Paroxetine)
- ยาพาซิเรโอไทด์ (Pasireotide)
- ยาพาโซพานิบ (Pazopanib)
- ยาเฟนโพรคูมอน (Phenprocoumon)
- ยาพริมิดอน (Primidone)
- ยาคิวทิอาไพน์ (Quetiapine)
- สมุนไพร เรด โคลเวอร์ (Red Clover)
- ยาไรโตนาเวียร์ (Ritonavir)
- ยาเซอร์ทราไลน์ (Sertraline)
- ยาเซโวฟลูเรน (Sevoflurane)
- ยาซิลทูซิแมบ (Siltuximab)
- สมุนไพรเซนต์ จอห์น วอรท์ (St John’s Wort)
- ยาทริปโทเรลิน (Triptorelin)
- ยาวานเดทานิบ (Vandetanib)
- ยาเวบูราเฟนิบ (Vemurafenib)
- ยาวินฟลูไนน์ (Vinflunine)
การใช้ยาตัวนี้ร่วมกับยาใดๆ ดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงบางประการ แต่การใช้ยาร่วมกันอาจเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หากยาเหล่านี้ถูกจ่ายให้พร้อมกันจากหมอของคุณ หมอของคุณอาจเปลี่ยนตัวยา หรือจำนวนครั้งของการใช้ยาตัวหนึ่ง หรือตัวยาทั้งสองชนิด
- ยาอัลเดสลิวคิน (Aldesleukin)
- ยาอะมิโนกลูเตทิไมด์ (Aminoglutethimide)
- ยาอะนาสโตรโซล (Anastrozole)
- ยาเบคซาโรทีน (Bexarotene)
- ยาเลโทรโซล (Letrozole)
- ยาไรแฟมพิน (Rifampin)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาทามอคซิเฟนอาจทำปฎิกิริยากับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงอื่นๆ โปรดปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณ ถึงปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนใช้ยาตัวนี้
ปฏิกิริยากับอาการโรค
ยาทามอคซิเฟนอาจทำปฎิกิริยากับอาการโรคของคุณ ปฏิกิริยานี้อาจทำให้อาการโรคของคุณทรุดลง หรือเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะบอกให้หมอและเภสัชกรรู้ถึงอาการโรคที่คุณกำลังเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สำหรับผู้ป่วย
- ปัญหาเกี่ยวกับเลือด หรือ
- ต้อกระจกหรือปัญหาตาอื่นๆ ยาทามอคซิเฟน อาจก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้
- ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ยาทามอคซิเฟน สามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้
เมื่อใช้ยาตัวนี้ในการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม ในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง หรือผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ศูนย์ (DCIS)
- การเกิดลิ่มเลือด (หรือเคยมีประวัติ) หรือ
- โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (หรือเคยมีประวัติ) หรือ
- หลอดเลือดในสมองแตก หรือ
- มะเร็งมดลูก อาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยาทามอคซิเฟน
ทำความเข้าใจขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ใดๆ ควรปรึกษาหมอหรือเภสัชกรของคุณทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อเติมก่อนใช้ยาตัวนี้
ขนาดยาทามอคซิเฟนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาทามอคซิเฟนสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็งเต้านม
สำหรับการรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายในผู้หญิงและผู้ชาย
รับประทาน 20 ถึง 40 มิลลิกรัม ควรแบ่งขนาดยาเท่า ๆ กัน หากมีการรับประทานยาขนาด 20 มิลลิกรัมขึ้นไป (ช่วงเช้าและช่วงเย็น)
สำหรับการรักษาผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ศูนย์ หลังการผ่าตัดเต้านมและฉายรังสี
รับประทาน 20 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 5 ปี
เพื่อลดการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับมะเร็งเต้านม
รับประทาน 20 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 5 ปี
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็งเต้านม-ทางเลือกเสริม
สำหรับการรักษา มะเร็งเต้านมที่ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ในผู้หญิงวัยหมดระดูที่ผ่าตัดเต้านมออกบางส่วนหรือทั้งหมด การผ่าตัดรักแร้และการฉายรังสีที่หน้าอก:
รับประทาน 10 มิลลิกรัม 2 ถึง 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 5 ปี
ขนาดยาทามอคซิเฟนสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็งเต้านม-บรรเทาอาการ
รับประทาน 10 ถึง 20 มิลลิกรัม สองครั้งต่อวัน
อาจไม่มีการตอบสนองในทางที่ดีให้เห็นชัดเป็นเวลาหลายเดือนหลังเริ่มการรักษา
ขนาดยาทามอคซิเฟนสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กที่เป็นโรค McCune-Albright
สำหรับการใช้ในเด็กผู้หญิงวัย 2 ถึง 10 ปี ที่เป็นโรค McCune-Albright และภาวะเจริญพันธุ์ก่อนวัย:
20 มิลลิกรัม วันละครั้ง ระยะการรักษามากสุด 12 เดือน
ขนาดยาสำหรับเด็กที่เป็นภาวะเจริญพันธุ์ก่อนวัย (Precocious Puberty)
สำหรับการใช้ในเด็กผู้หญิงวัย 2 ถึง 10 ปี ที่เป็นโรค McCune-Albright และภาวะเจริญพันธุ์ก่อนวัย:
20 มิลลิกรัม วันละครั้ง ระยะการรักษามากสุด 12 เดือน
รูปแบบยา
ยาทามอคซิเฟน มีให้เลือกใช้ในรูปแบบและฤทธิ์ยาดังต่อไปนี้ ได้แก่
- ยาน้ำสำหรับรับประทาน: 10 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร (150 มิลลิลิตร)
- ยาเม็ด: 10 มิลลิกรัม; 20 มิลลิกรัม
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
ในกรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด แจ้งศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินท้องถิ่นหรือไปยังห้องฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด
อาการของการใช้ยาเกินขนาด ได้แก่
- ส่วนหนึ่งของร่างกายเกิดการสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
- ทรงตัวไม่ได้
- เวียนหัว
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมรับประทานยาทามอคซิเฟน กลับมาใช้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม หากใกล้ถึงเวลาที่คุณจะต้องใช้ยาครั้งต่อไป ข้ามขนาดยาครั้งที่แล้ว และใช้ขนาดยาตามกำหนดการเดิม อย่าเพิ่มขนาดยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]