ข้อบ่งใช้
ยาทิโคลพิดีนใช้สำหรับ
ยาทิโคลพิดีน (Ticlopidine) ใช้ป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดในสมองแตก ในผู้ที่ไม่สามารถรับประทานยาแอสไพริน หรือผู้ที่ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการรับประทานยาแอสไพริน ยาตัวนี้อาจใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เพื่อการรักษาอาการหัวใจบางประเภท อย่างเช่น การขยายหลอดเลือดหัวใจโดยใส่ขดลวด (coronary stent implant)
ยาทิโคลพิดีนจะขัดขวางการจับกันของเกล็ดเลือด และป้องกันการก่อตัวเป็นลิ่มเลือดที่เป็นอันตราย เป็นยาต้านเกล็ดเลือด ที่จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตราบรื่นขึ้น
วิธีการใช้ยาทิโคลพิดีน
รับประทานยาพร้อมอาหาร หรือหลังรับประทานอาหาร ตามที่หมอสั่ง 2 ครั้งต่อวัน
ระยะเวลาของการรักษา ขึ้นอยู่กับอาการทางการแพทย์ของคุณ หากคุณรับประทานยาตัวนี้ เพื่อป้องกันการอุดตันหลังการปลูกถ่ายขดลวด มักจะรับประทานยาตัวนี้ร่วมกับยาแอสไพริน เป็นเวลา 30 วัน ยกเว้นว่าหมอสั่งแตกต่างจากนี้ ปรึกษาหมอของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ใช้ยาตัวนี้เป็นประจำ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด การใช้ยาเวลาเดิมในทุกๆ วัน จะช่วยให้คุณจำได้ง่ายขึ้น อย่าหยุดใช้ยา นอกจากว่าหมอจะสั่ง อย่าใช้ยาตัวนี้เกินกว่าที่หมอจ่ายให้ อย่ารับประทานยาเพิ่ม หรือใช้ยาตัวนี้บ่อยเกิน หรือนานเกินกว่าที่หมอสั่ง เพราะจะไม่ทำให้อาการของคุณดีขึ้นและความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงของคุณจะเพิ่มขึ้นด้วย เป็นเรื่องสำคัญในการรับประทานยาตัวนี้อย่างต่อเนื่องตามที่หมอสั่ง แม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว อย่าหยุดรับประทานยาตัวนี้โดยไม่ปรึกษาหมอ
การเก็บรักษายาทิโคลพิดีน
เก็บรักษายาทิโคลพิดีนในอุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากแสงแดดและความชื้น เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของตัวยา คุณไม่ควรเก็บยาทิโคลพิดีนในห้องน้ำหรือตู้เบ็น ยาทิโคลพิดีนอาจมีหลายยี่ห้อที่ต้องการการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน จึงควรต้องตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ของยาเสมอ สำหรับคำแนะนำในการเก็บรักษา หรือสอบถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
คุณไม่ควรทิ้งทิโคลพิดีนลงในชักโครก หรือทิ้งลงท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำเช่นนั้น เป็นเรื่องสำคัญในการทิ้งยาให้เหมาะสม เมื่อยาหมดอายุหรือไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ปรึกษากับเภสัชกรของคุณสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการทิ้งยาของคุณอย่างไรให้ปลอดภัย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาทิโคลพิดีน
ก่อนรับประทานยาทิโคลพิดีน ควรแจ้งให้หมอหรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยาตัวนี้หรือยาต้านเกล็ดเลือดที่คล้ายๆ กันอย่างยากลุ่ม thienopyridines เช่น ยาโคลพิโดเกรล (clopidogrel) หรือหากคุณมีอาการแพ้อื่นๆ ยาตัวนี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ พูดคุยกับเภสัชกรของคุณสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยาตัวนี้ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะความผิดปกติทางเลือดหรือระบบภูมิคุ้มกันในอดีตหรือปัจจุบัน เช่น ภาวะ thrombotic thrombocytopenic purpura (TTP) โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (aplastic anemia) โรคที่ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวไม่เพียงพอ (agranulocytosis) ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (neutropenia) เลือดออกต่อเนื่องหรือรุนแรง อย่างเช่น เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร (bleeding stomach ulcers) ความผิดปกติเกี่ยวกับการเลือดออกหรือลิ่มเลือด โรคตับ ปัญหาทางไต
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด บอกหมอหรือทันตแพทย์เกี่ยวกับยาทุกชนิดที่คุณใช้ (ทั้งยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ ยาที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร) หมออาจแนะนำให้คุณหยุดรับประทานยาตัวนี้เป็นเวลา 10 ถึง 14 วันก่อนการผ่าตัด ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด
ยาตัวนี้อาจทำให้เกิดการตกเลือดในกระเพาะ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกวันขณะที่รับประทานยาตัวนี้เข้าไปด้วยจะเพิ่มความเสี่ยงของการตกเลือดในกระเพาะ จำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ และสอบถามหมอหรือเภสัชกรของคุณ เกี่ยวกับปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ในระดับที่ปลอดภัย
ยาทิโคลพิดีนทำให้คุณมีโอกาสในการติดเชื้อมากขึ้น หรือทำให้อาการติดเชื้อที่คุณเป็นอยู่เกิดทรุดลง ดังนั้น ล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการลุกลามของการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีอาการติดเชื้อที่อาจแพร่กระจายไปสู่คนอื่นๆ (อย่างเช่นโรคอีสุกอีใส โรคหัด หวัด) ปรึกษากับหมอของคุณ หากคุณสัมผัสกับอาการติดเชื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
อย่าเข้ารับวัคซีนใดๆ โดยไม่รับการอนุญาตจากหมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อเป็น (อย่างเช่น วัคซีนหวัดที่พ่นทางจมูก)
อาการเลือดออกจากบาดแผลหรืออาการบาดเจ็บอาจใช้เวลานานกว่าปกติที่จะหยุด เมื่อคุณรับประทานยาตัวนี้ เพื่อลดความเสี่ยงของการได้รับบาดแผล รอยช้ำหรือการบาดเจ็บ ใช้ของมีคมอย่างระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือกีฬาที่ต้องมีการปะทะกัน
ผู้สูงอายุอาจมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเลือดไหล ในขณะที่ใช้ยาตัวนี้
ยาตัวนี้ควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น หากอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ปรึกษาถึงความเสี่ยงและประโยชน์กับหมอของคุณ
ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ายาตัวนี้จะเข้าสู่น้ำนมหรือไม่ แต่ยาตัวนี้อาจเกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อทารกในครรภ์ ปรึกษากับหมอของคุณก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยเพียงพอในผู้หญิงที่จะระบุความเสี่ยงในการใช้ยาทิโคลพิดีน ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษากับหมอของคุณทุกครั้งเพื่อชั่งน้ำหนักถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ก่อนใช้ยาทิโคลพิดีน ยาทิโคลพิดีน เป็นยาที่มีดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ประเภท B (pregnancy risk category B) อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA)
ระดับความเสี่ยงของยาที่ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ได้แก่
- A = ไม่มีความเสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในบางงานวิจัย
- C = อาจมีความเสี่ยงบางประการ
- D = มีความเสี่ยงชัดเจน
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของยาทิโคลพิดีน
อาจเกิดอาการท้องร่วง ท้องไส้ปั่นป่วน เจ็บท้อง คลื่นไส้และอาเจียน หากมีผลข้างเคียงใดๆ ปรากฏขึ้นหรือทรุดลง แจ้งให้หมอหรือเภสัชกรทราบโดยทันที
จำไว้ว่า หมอของคุณจ่ายยาตัวนี้ให้คุณเพราะหมอพิจารณาแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง หลายคนที่ใช้ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ
บอกหมอของคุณทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ ท้องร่วงมีเลือดปนต่อเนื่องหรือรุนแรง อาเจียนออกมาโดยมีลักษณะเหมือนกับกาแฟบด อุจจาระสีดำ เลือดปนในปัสสาวะ เลือดออกตามไรฟัน หรือเลือดกำเดาไหล เหนื่อยล้า หรืออ่อนแรงผิดปกติ เลือดออกหรือเกิดรอยช้ำได้ง่าย สภาพจิตใจและอารมณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง เบื่ออาหาร คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง เจ็บท้องอย่างรุนแรง สัญญาณของปัญหาไต (อย่างเช่น เกิดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณปัสสาวะ)
ยาตัวนี้อาจลดประสิทธิภาพของคุณในการสู้กับอาการติดเชื้อ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการติดเชื้อขั้นรุนแรง หรือทำให้อาการติดเชื้อที่เป็นอยู่ทรุดลง แจ้งหมอของคุณทันที หากคุณมีสัญญาณของการติดเชื้อ (อย่างเช่น เป็นหวัด หนาวสั่น เจ็บคออยู่เรื่อยๆ ไอ)
ปฏิกิริยาแพ้ต่อยาชนิดนี้เป็นเรื่องที่พบได้ยาก อย่างไรก็ตาม ควรเข้ารับการดูแลทางการแพทย์ทันที หากมีอาการแพ้ขั้นรุนแรง ได้แก่ ผื่น อาการคันหรือบวม (โดยเฉพาะ หน้า ลิ้น คอ) เวียนหัวอย่างรุนแรง ปัญหาการหายใจ
ไม่ใช่ทุกคนจะพบผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงบางอาการที่ไม่มีอยู่ด้านบน หากคุณมีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณ
ปฏิกิริยาของยา
ปฎิกิริยากับยาอื่น
ยาบางชนิด อาจทำปฏิกิริยากับยาตัวนี้ ได้แก่ ยาไมเฟพริสโตน (mifepristone) ยาต้านเกล็ดเลือดอื่นๆ อย่างเช่น ยาคลอพิโดเกรล (clopidogrel) ยาไซเมติดีน (cimetidine) ยาลดกรด (antacids)
ยาชนิดอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการก่อตัวลิ่มเลือดเหมือนยาตัวนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเลือดออก ตัวอย่างเช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น ยาอีนอคซาพาริน (enoxaparin) ยาเฮพาริน (heparin) ยาวาร์ฟาริน (warfarin) ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด และรับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามที่หมอสั่ง แจ้งหมอของคุณทันที หากคุณสังเกตถึงอาการเลือดออกผิดปกติ ปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
คุณอาจได้รับการแนะนำจากหมอของคุณ ให้รับประทานยาทิโคลพิดีนร่วมกับยาแอสไพริน สำหรับอาการบางประเภท ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอและรับประทานยาแอสไพรินอย่างต่อเนื่องตามที่หมอสั่ง หากคุณไม่ได้รับประทานยาแอสไพริน ปรึกษากับหมอของคุณก่อนที่จะเริ่มรับประทานยาตัวนี้สำหรับรักษาอาการอื่นๆ
ตรวจสอบฉลากยาทุกชนิด เนื่องจากยาเหล่านั้นอาจมีส่วนผสมของยาแอสไพริน หรือยาตระกูล NSAIDs อย่างเช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือยานาพรอคเซน (naproxen) อาจเพิ่มความเสี่ยงของเลือดตกใน สอบถามเภสัชกรของคุณเกี่ยวกับการใช้ยาเหล่านั้นอย่างปลอดภัย
ยาทิโคลพิดีนอาจทำปฏิกิริยากับยาตัวอื่นที่คุณใช้อยู่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาของยา คุณควรจดรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้อยู่ (ทั้งยาที่ต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์ ยาที่ไม่ใช้ใบสั่งแพทย์ และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร) และให้หมอและเภสัชกรของคุณดู เพื่อความปลอดภัยของคุณอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนปริมาณยาใดๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากหมอ
ปฎิกิริยาต่ออาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาทิโคลพิดีนอาจทำปฎิกิริยากับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงอื่นๆ โปรดปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณ ถึงปฎิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนใช้ยาตัวนี้
ปฏิกิริยาต่ออาการโรคอื่น
ยาทิโคลพิดีนอาจทำปฎิกิริยากับอาการโรคของคุณ ปฏิกิริยานี้อาจทำให้อาการโรคของคุณทรุดลง หรือเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะบอกให้หมอและเภสัชกรรู้ถึงอาการโรคที่คุณกำลังเป็น
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ใดๆ ควรปรึกษาหมอของคุณทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อเติม ก่อนใช้ยาทิโคลพิดีน
ขนาดยาทิโคลพิดีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาทั่วไปสำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน
รับประทาน 250 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน
ความเห็นอื่นๆ
ควรรับประทานยาทิโคลพิดีนพร้อมอาหาร เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงในระบบทางเดินอาหาร
ในผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายขดลวดในหลอดเลือด หลังจากทำการปลูกถ่ายขดลวดสำเร็จ อาจต้องทำการรักษาโดยใช้ยาทิโคลพิดีนอย่างต่อเนื่องจนถึง 30 วัน อย่างไรก็ตาม ผลของงานวิจัยชี้ว่า จำนวนครั้งของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันภายในขดลวด (stent thrombosis) และผลข้างเคียงของภาวะขาดเลือดอื่นๆ อยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าจะหยุดรับประทานยาทิโคลพิดีนหลังการรักษา 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ผลของงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งชี้ว่า ผู้ป่วยที่ได้รับขดลวดเคลือบยา พร้อมกับยาทิโคลพิดีนหรือยาคลอพิโดเกรล อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากยาแอสไพริน ควรรับประทานต่อเนื่องเป็นอย่างน้อย 6 เดือนหลังการปลูกถ่ายขดลวดหัวใจ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันภายในขดลวด อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของการรักษาอย่างต่อเนื่องหลังผ่านไป 6 เดือน เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน การรักษาด้วยยาแอสไพรินยังเป็นสิ่งต้องทำต่อไปเรื่อยๆ
ยาทิโคลพิดินอาจก่อให้เกิดอาการตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์ทางระบบเลือด ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ได้แก่ โรคที่ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวไม่เพียงพอ (agranulocytosis) ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (neutropenia) และภาวะ thrombotic thrombocytopenic purpura (TTP)
มีคำแนะนำให้ติดตามอาการผู้ป่วยที่รับประทานยาทิโคลพีดีน โดยควรจับตาดูตรวจประสิทธิภาพทำงานของตับ พร้อมกับการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
ขนาดยาทิโคลพิดีนสำหรับเด็ก
ไม่เป็นที่แน่ชัดสำหรับขนาดยาในผู้ป่วยวัยเด็ก ยาตัวนี้อาจไม่ปลอดภัยสำหรับลูกของคุณ เป็นเรื่องสำคัญเสมอในการเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความปลอดภัยของยาก่อนใช้ โปรดปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
รูปแบบยาทิโคลพิดีน
ยาทิโคลพิดิน มีให้เลือกใช้ในรูปแบบและฤทธิ์ยาดังต่อไปนี้
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
ในกรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด แจ้งศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินท้องถิ่นหรือไปยังห้องฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมรับประทานยาทิโคลพิดิน กลับมารับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม หากใกล้ถึงเวลาที่คุณจะต้องใช้ยาครั้งต่อไป ข้ามยามื้อที่แล้วไปเลย และใช้ขนาดยาตามปกติ อย่าเพิ่มขนาดยา
[embed-health-tool-bmi]