ข้อบ่งใช้ พิเมโครลิมัส
พิเมโครลิมัส ใช้สำหรับ
พิเมโครลิมัส (Pimecrolimus) ใช้เพื่อรักษาโรคผิวหนังบางชนิด เช่น ผื่น หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (atopic dermatitis) ในผู้ป่วยที่ไม่ควรใช้หรือไม่ตอบสนองต่อยารักษาผื่นชนิดอื่น เช่น ยาสเตียรอยด์ที่ใช้เฉพาะจุด ผื่นเป็นอาการแพ้จากภูมิแพ้ ที่ทำให้ผิวหนังเกิดรอยแดง ระคายเคืองและคัน ยานี้ออกฤทธิ์โดยเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันของผิว ดังนั้น จึงลดอาการแพ้ที่เกิดจากผื่น ยาพิเมโครลิมัสอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า ยายับยั้งแคลซินูริน สำหรับใช้เฉพาะที่ (topical calcineurin inhibitor หรือ TCIs)
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ หากมีประวัติความผิดปกติทางพันธุกรรม อย่างกลุ่มอาการเนเธอตัน (Netherton’s syndrome) ยานี้ยังไม่ควรใช้ในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เคยได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
วิธีการใช้ยาพิเมโครลิมัส
ก่อนใช้ยานี้ควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ ทายานี้บางๆ บนผิวหนังที่เป็นโรค ปกติแล้วจะเป็น 2 ครั้งต่อวัน หรือตามที่แพทย์สั่ง ทายาบนผิวให้ทั่วอย่างนุ่มนวล ล้างมือหลังจากใช้ยา เว้นแต่ว่าคุณจะทายาที่มือ หากแพทย์แนะนำให้ใช้สารให้ความชุ่มชื้น ใช้สารนั้นหลังจากทายานี้
ยาพิเมโครลิมัสใช้สำหรับผิวหนังเท่านั้น หลีกเลี่ยงการทายานี้ที่ตา หรือภายในจมูก และปาก อย่าทายานี้ที่แผลเปิด หรือบริเวณที่ติดเชื้อ อย่าใช้พลาสติกหรือผ้าพันแผลกันน้ำ พันรอบผิวหนังที่ทายา เว้นแต่แพทย์จะแนะนำให้ทำอย่างนั้น อย่าอาบน้ำ ใช้ฝักบัว หรือว่ายน้ำหลังจากทายา
ทายานี้ตามที่แพทย์สั่ง แพทย์อาจแนะนำให้คุณหยุดใช้ยา ทันทีที่หายจากโรคผื่นภูมิแพ้อักเสบ และเริ่มทายาอีกครั้ง หากมีอาการหรือสัญญาณอีก ปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการไม่ดีขึ้น หลังจากใช้ไป 6 สัปดาห์ หรือหากอาการแย่ลงไม่ว่าเวลาใดก็ตาม
การเก็บรักษายาพิเมโครลิมัส
คุณควรเก็บยาพิเมโครลิมัสไว้ในอุณหภูมิห้อง รวมถึงเก็บให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับยา คุณไม่ควรเก็บยาพิเมโครลิมัสไว้ให้ห้องน้ำหรือตู้เย็น ยาพิเมโครลิมัสแต่ละยี่ห้อ อาจมีวิธีเก็บแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญคือการอ่านคำแนะนำการเก็บรักษายาบนฉลากผลิตภัณฑ์ หรือสอบถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
คุณไม่ควรทิ้งยาพิเมโครลิมัสลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำอย่างนั้น ดังนั้น สิ่งสำคัญคือทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีกต่อไป ปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีทิ้งยาอย่างปลอดภัย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาพิเมโครลิมัส
ก่อนใช้ยาพิเมโครลิมัสแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยาชนิดนี้ รวมถึงหากคุณมีอาการแพ้อื่นๆ ยาตัวนี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่ได้ออกฤทธิ์ในการรักษา แต่อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ หรือปัญหาอื่นๆ ควรปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วย โดยเฉพาะการติดเชื้อ เช่น โรคโมโนนิวคลิโอสิส (mononucleosis) การใช้แสงบำบัด เช่น แสงยูวีเอหรือยูวีบี การติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น เริม อีสุกอีใส งูสวัด หรือหูด รวมถึงปัญหาที่ระบบภูมิคุ้มกัน
ยานี้อาจทำให้คุณไวต่อแสงอาทิตย์มากขึ้น จำกัดการอยู่ในที่แจ้ง หลีกเลี่ยงการอาบแดด หรือหลอดไฟอัลตราไวโอเลต แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากผิวไหม้หรือเป็นแผลพุพอง รวมถึงมีรอยแดง
ระหว่างตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้เท่าที่จำเป็น ปรึกษาความเสี่ยงและข้อดีกับแพทย์
ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ายานี้จะซึมเข้าสู่น้ำนมหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ไม่มีการศึกษาในผู้หญิงเพียงพอที่จะระบุความเสี่ยง ขณะที่ใช้ยาพิเมโครลิมัส ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เป็นประจำ เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นก่อนใช้ยาพิเมโครลิมัส อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยาพิเมโครลิมัสจัดเป็นยากลุ่มเสี่ยงสำหรับสตรีมีครรภ์ประเภท C
ต่อไปนี้คือประเภทความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
· A = ไม่เสี่ยง
· B = ไม่พบความเสี่ยงในงานวิจัยบางชิ้น
· C = อาจจะมีความเสี่ยง
· D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
· X = ห้ามใช้
· N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาพิเมโครลิมัส
อาจเกิดอาการแสบหรือระคายเคืองผิวบริเวณที่ทายา ระหว่างที่ใช้ยาในช่วงแรกๆ อาจปวดศีรษะด้วยเช่นกัน หากอาการเหล่านี้ยังคงไม่หายไปหรือแย่ลง แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทันที
โปรดระลึกไว้ว่า แพทย์ได้จ่ายยานี้เนื่องจากได้ตัดสินใจแล้วว่า นี่จะมีประโยชน์ต่อคุณ มากกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากผลข้างเคียง หลายคนใช้ยานี้แล้วไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่น่าเกิดขึ้นแต่รุนแรงเหล่านี้ ได้แก่ สัญญาณของการติดเชื้อ เช่น เป็นไข้ เจ็บคออย่างต่อเนื่อง
อาการแพ้ยาที่รุนแรงเกิดไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม เข้ารับการรักษาทันทีหากคุณสังเกตเห็นอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่ เกิดผื่น คันผิวหนังหรือผิวบวม (โดยเฉพาะที่ใบหน้า ลิ้นหรือลำคอ) วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง มีปัญหาเรื่องการหายใจ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้ (รวมถึงยาที่จำหน่ายตามใบสั่งยา ยาที่จำหน่ายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาและสมุนไพร) โดยเฉพาะสเตียรอยด์สำหรับใช้เฉพาะจุด ยาขี้ผึ้ง โลชั่นหรือครีมชนิดอื่น
ยาพิเมโครลิมัสอาจมีปฏิกิริยาต่อยาตัวอื่น ที่คุณกำลังรับประทานอยู่ และอาจส่งผลให้ยาที่คุณรับประทาน ออกฤทธิ์ต่างไปจากเดิม หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยาที่อาจเป็นไปได้ คุณควรเก็บรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อได้เอง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร) และแจ้งให้แพทย์รวมถึงเภสัชกรทราบ เพื่อความปลอดภัย อย่าเริ่ม หรือหยุดใช้ยา รวมถึงเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือยาอื่น
ยาพิเมโครลิมัสอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์ โดยเปลี่ยนฤทธิ์ยา หรือเพิ่มความเสี่ยงให้ที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ถึงอาหารหรือแอลกอฮอล์ที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ ก่อนใช้ยา
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาพิเมโครลิมัสอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ปฏิกิริยาของยาที่มีต่อร่างกาย อาจทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่ลง หรือเปลี่ยนฤทธิ์ของยา สิ่งสำคัญคือ โปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับสุขภาพ และโรคประจำตัวของคุณ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง ก่อนใช้ยาพิเมโครลิมัส
ขนาดยาพิเมโครลิมัสสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาทั่วไปสำหรับรักษาผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ทายานี้บริเวณที่เป็นโรคบางๆ 2 ครั้งต่อวัน นวดให้ทั่วย่างเบามือ
คำแนะนำ
-ควรหยุดใช้ยาเมื่ออาการคัน ผื่นหรือรอยแดงดีขึ้น
-หากยังคงมีอาการเกิน 6 สัปดาห์ ผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยโดยผู้ให้บริการด้านการแพทย์อีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
การใช้: ใช้เป็นการรักษาทางเลือกในระยะสั้นและการรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเรื้อรังขั้นไม่รุนแรงถึงปานกลางอย่างไม่ต่อเนื่องในผู้ป่วยที่ไม่ได้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่ล้มเหลวในการตอบสนองต่อการรักษาโดยใช้ยาอื่น หรือแพทย์ไม่แนะนำให้รักษาด้วยยาอื่น
คำแนะนำอื่น
คำแนะนำในการใช้ยา
-อาจใช้ยานี้บนผิวหนังทั้งหมด รวมถึงศีรษะ ใบหน้า คอและบริเวณที่ทบซ้อนเบียดกัน ยกเว้นเนื้อเยื่อในจมูกและช่องปาก
-หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และควรทายาเฉพาะบริเวณที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
-ไม่ควรทายานี้แล้วปิดแผลแบบ occlusive dressing เพื่อป้องกันการออกฤทธิ์แบบซิสเตมมิก
-ควรล้างมือก่อนทายา
-อาจทาสารหล่อลื่นผิวหลังทายานี้
-เริ่มทายาเมื่อมีสัญญาณของอาการคัน และ/หรือรอยแดง ที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน และ/หรือผิวหนาขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงผื่นที่รุนแรงขึ้น และจากโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ขนาดยาพิเมโครลิมัสสำหรับเด็ก
ขนาดยาทั่วไปสำหรับรักษาผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
อายุ 2 ปีขึ้นไป:
ทายานี้บริเวณที่เป็นโรคบางๆ 2 ครั้งต่อวัน นวดให้ทั่วย่างเบามือ
คำแนะนำ
-ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับความปลอดภัยและฤทธิ์ของยาในระยะยาวต่อระบบภูมิคุ้มกัน
-ควรหยุดใช้ยาเมื่ออาการคัน ผื่นหรือรอยแดงดีขึ้น
-หากยังคงมีอาการเกิน 6 สัปดาห์ ผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยโดยผู้ให้บริการด้านการแพทย์อีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
การใช้: ใช้เป็นการรักษาทางเลือกในระยะสั้นและการรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเรื้อรังขั้นไม่รุนแรงถึงปานกลางอย่างไม่ต่อเนื่องในผู้ป่วยที่ไม่ได้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่ล้มเหลวในการตอบสนองต่อการรักษาโดยใช้ยาอื่น หรือแพทย์ไม่แนะนำให้รักษาด้วยยาอื่น
ข้อควรระวัง
ไม่ได้มีการยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพในผู้ป่วยที่มีอายุที่ต่ำกว่า 2 ปี
รูปแบบของยา
ยาพิเมโครลิมุสมีรูปแบบดังต่อไปนี้
- ครีมใช้เฉพาะจุด
กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]
