ข้อบ่งใช้ ยูโรไคเนส
ยูโรไคเนส ใช้สำหรับ
ยูโรไคเนส (Urokinase) เป็นยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolytic drug) บางครั้งก็เรียกว่าเป็นยาสลายลิ่มเลือด (Clot-busting drug) ช่วยให้ร่างกายผลิตสารบางอย่างที่จะมาละลายลิ่มเลือดที่ไม่ต้องการ
ยายูโรไคเนสใช้เพื่อรักษาลิ่มเลือดภายในปอด และอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากคู่มือการใช้ยาได้อีกด้วย โปรดสอบถามจากแพทย์และเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
วิธีการใช้ยายูโรไคเนส
- ยายูโรไคเนสใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดดำโดยผู้ดูแลสุขภาพ
- ให้ยายูโรไคเนสอย่างช้าๆ เป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องปั๊มหยอดยาอย่างต่อเนื่อง
- ต้องมีการเฝ้าระวังการหายใจ ความดันโลหิต ระดับออกซิเจน และสัญญาณที่มองเห็นได้อื่นๆ อย่างใกล้ชิดขณะที่กำลังใช้ยายูโรไคเนส
- หลังจากการรักษาด้วยยายูโรไคเนส แพทย์จะสั่งยาเจือจางเลือดหรือยาอื่นๆ เพื่อช่วยป้องกันลิ่มเลือดในอนาคต ควรทำตามแนวทางการใช้ยาอย่างเคร่งครัด ยาเหล่านี้ทำให้คุณเลือดออกได้ง่ายขึ้น แม้แต่จากการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
การเก็บรักษายายูโรไคเนส
ยายูโรไคเนสควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยายูโรไคเนสบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยายูโรไคเนสลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อpkหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยายูโรไคเนส
ปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรถ้าหาก
- คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณมีความตั้งใจหรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
- หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่มีฤทธิ์ในการรักษา ของยายูโรไคเนสหรือยาอื่นๆ
- หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
- หากคุณตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรภายใน 10 วันที่ผ่านมา
- หากคุณรับการผ่าตัดหรือปลูกถ่ายอวัยวะในช่วง 10 วันที่ผ่านมา
คุณไม่ควรใช้ยายูโรไคเนส หากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้
- มีอาการเลือดออกภายในร่างกาย
- มีเนื้องอกในสมองหรือมีความผิดปกติของหลอดเลือด
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง
- มีความผิดปกติเกี่ยวกับเลือดออกหรือลิ่มเลือด เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (hemophilia)
- ความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรงหรือควบคุมไม่ได้
- สภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์เมื่อเร็วๆ นี้ ที่จำเป็นต้องทำซีพีอาร์ (cardiopulmonary resuscitation)
- โรคหลอดเลือดสมอง ผ่าตัดสมอง หรือผ่าตัดกระดูกสันหลังภายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
ในกรณีฉุกเฉินอาจไม่สามารถแจ้งให้ผู้ดูแลทราบได้ว่า คุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แจ้งให้แพทย์ที่ดูแลครรภ์หรือดูแลลูกของคุณว่า คุณได้รับยานี้ไปแล้ว
ยายูโรไคเนสนั้นสร้างจากพลาสม่าของมนุษย์ (ส่วนหนึ่งของเลือด) ซึ่งอาจมีเชื้อไวรัสและเชื้อโรคอื่นๆ พลาสม่าที่ได้รับบริจาคนั้นจะได้รับการทดสอบและรักษา เพื่อลดความเสี่ยงในการมีเชื้อโรคเหล่านี้ แต่ก็ยังอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการติดโรคได้ ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยานี้
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยายูโรไคเนสจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยายูโรไคเนส
รับการรักษาในทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ดังนี้ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
ยายูโรไคเนสนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออก ซึ่งอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิต แจ้งให้แพทย์ทราบ และรับการรักษาในทันทีหากคุณมีอาการเลือดไหลไม่หยุด อาการเลือดออกนั้นอาจจะมาจากแผลผ่าตัด หรือผิวหนังบริเวณที่ใช้เข็มเจาะเข้าไป ขณะทำการตรวจเลือดหรือขณะให้ยา คุณสามารถมีอาการเลือดออกภายในร่างกายได้อีกด้วย เช่น ภายในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ไต กระเพาะปัสสาวะ สมอง หรือภายในกล้ามเนื้อ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณสัญญาณของอาการเลือดออกภายในร่างกาย เช่น
- มีรอยช้ำหรือเลือดออกได้ง่าย เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกที่เหงือก มีเลือดออกจากแผล รอยบาก บริเวณที่เจาะเพื่อสอดท่อสายสวน (catheter) หรือเข็มฉีดยา
- อุจจาระสีเลือดหรือคล้ายยางมะตอย ไอเป็นเลือด หรืออาเจียนคล้ายกากกาแฟ
- ปัสสาวะสีชมพูหรือสีเลือด
- มีอาการชาหรืออ่อนแรงเฉียบพลัน (โดยเฉพาะที่ด้านหนึ่งของร่างกาย) ปวดหัวอย่างรุนแรงเฉียบพลัน พูดไม่ชัด มีปัญหากับการมองเห็นหรือการทรงตัว
ผลข้างเคียงบางอย่างอาจเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากฉีดยา แจ้งผู้ดูแลทันที หากคุณมีอาการหนาวสั่น เป็นไข้ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ แน่นหน้าอก ปวดหลัง หายใจติดขัด หรือหัวใจเต้นเร็ว
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดหน้าอกหรือรู้สึกหนัก มีอาการปวดที่แพร่กระจายไปยังกรามหรือไหล่ คลื่นไส้ เหงื่อออก รู้สึกป่วย
- บวม น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย
- ปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้และอาเจียน
- นิ้วมือหรือนิ้วเท้ามีสีคล้ำขึ้นหรือเป็นสีม่วง
- หัวใจเต้นช้ามาก หายใจไม่อิ่ม รู้สึกเวียนศีรษะ
- มีอาการปวดหลังฉับพลัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง รู้สึกชาหรือไม่มีความรู้สึกที่แขนหรือขา
- ความดันโลหิตสูงจนอันตราย–ปวดหัวอย่างรุนแรง มองเห็นไม่ชัด มีอาการเต้นตุบ ๆ ที่คอหรือหู เลือดกำเดาไหล วิตกกังวล ปวดหน้าอกอย่างรุนแรง หายใจไม่อิ่ม หัวใจเต้นผิดปกติ
- ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)–มีอาการปวดอย่างรุนแรงที่กระเพาะส่วนบนแพร่กระจายไปยังหลัง คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยายูโรไคเนสอาจเกิดอันตรกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาเฮพาริน (heparin) ยาวาร์ฟาริน (warfarin) ยาคูมาดิน (Coumadin) ยาแจนโทเวน (Jantoven)
- ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) –ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) อย่างแอดวิล (Advil) หรือมอทริน (Motrin) ยานาพรอกเซน (naproxen) อย่างอะลีฟ (Aleve) ยาเซเลโคซิบ (celecoxib) ยาไดโคลฟีแนค (diclofenac) ยาอินโดเมทาซิน (indomethacin) มีลอกซิแคม (meloxicam) และอื่นๆ
- ยาป้องกันลิ่มเลือด–ยาแอ็บซิกซิแมบ (abciximab) ยาเอปทิฟิบาไทด์ (eptifibatide) ยาไทโรไฟแบน (tirofiban) ยาโวราแพซาร์ (vorapaxar)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยายูโรไคเนสอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยายูโรไคเนสอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ ถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
สภาวะที่อาจมีปฏิกิรยากับยานี้ได้แก่
- เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
- โรคตับหรือโรคไตขั้นรุนแรง
- ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาที่เกิดจากโรคเบาหวาน
- การติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ หรือโรคเยื่อบุโพรงหัวใจอักเสบจากแบคทีเรีย (bacterial endocarditis)
- ลิ่มเลือดในหัวใจ
- อาการเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ที่เพิ่งเป็นไม่นานมานี้
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยายูโรไคเนสสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (Pulmonary Embolism):
- ขนาดยาเริ่มต้น: 4400 หน่วยสากล/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำที่อัตรา 90 มล./ชั่วโมง นานกว่า 10 นาที
- ขนาดยาปกติ: 4400 หน่วยสากล/กก./ชั่วโมง ฉีดเข้าหลอดเลือดดำที่อัตรา 15 มล./ชั่วโมง นานกว่า 12 ชั่วโมง
ขนาดยายูโรไคเนสสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้ สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาสำหรับฉีด
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]