ข้อบ่งใช้
ยา ไรวาสติกมีน ใช้สำหรับ
ยาไรวาสติกมีน (Rivastigmine) ใช้เพื่อรักษาอาการสับสนหรือภาวะสมองเสื่อม (Dementia) ที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) และโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) ยาไรวาสติกมีนไม่สามารถรักษาโรคทั้งสองได้ แต่อาจจะช่วยเพิ่มความจำ การตระหนักรู้ และความสามารถในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ยานี้ทำงานโดยการฟื้นฟูความสมดุลของสารสื่อประสาท (neurotransmitters) ภายในสมอง
วิธีการใช้ยาไรวาสติกมีน
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและเย็น ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง (เช่น คลื่นไส้และท้องร่วง) แพทย์จะให้คุณเริ่มใช้ยาในขนาดต่ำแล้วค่อยๆ เพิ่มขนาดยาขึ้นมา นานกว่า 2-4 สัปดาห์ ขนาดยาสูงสุดที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือ 6 มก. วันละ 2 ครั้ง
ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน อย่าหยุดใช้ยานี้หากแพทย์ไม่ได้สั่ง อย่าใช้ยาบ่อยกว่าที่กำหนด
หากคุณไม่ได้ใช้ยาไรวาสติกมีนนานกว่า 3 วัน โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาอีกครั้ง คุณอาจจะต้องกลับมาเริ่มใช้ยาในขนาดที่ต่ำกว่าเดิม
โปรดแจ้งให้แพทย์หากอาการของคุณแย่ลง
การเก็บรักษายาไรวาสติกมีน
ยาไรวาสติกมีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไรวาสติกมีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไรวาสติกมีนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไรวาสติกมีน
ก่อนใช้ยาไรวาสติกมีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ (รวมถึงอาการผื่นขณะที่ใช้แผ่นแปะยาไรวาสติกมีน) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือปอด เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้ (เช่น มีแผลหรือมีเลือดออก) โรคหัวใจ เช่น กลุ่มอาการซิกไซนัส (sick sinus syndrome) หรือความผิดปกติของการนำคลื่นไฟฟ้าอื่นๆ หมดสติ ชัก ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ (เช่น เนื่องจากต่อมลูกหมากโต)
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชานั้นอาจทำให้อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชา
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
ในช่วงขณะการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาไรวาสติกมีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา ไรวาสติกมีน
อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องร่วง อ่อนแรง วิงเวียน ง่วงซึม และสั่นเทาในช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวเข้ากับยาหรือเพิ่มขนาดยา แล้วอาการจะลดลงไป หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ หมดสติ อุจจาระสีดำ อาเจียนคล้ายกากกาแฟ ปวดท้องอย่างรุนแรง ชัก ปัสสาวะติดขัด
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาแอสไพรินหรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือนาพรอกเซน (naproxen) ยาเมโทโคลพราไมด์ (metoclopramide)
ควรอ่านฉลากยาทั้งยาตามใบสั่งแพทย์และยาที่หาซื้อเองทั้งหมดอย่างละเอียดเนื่องจากยาเหล่านี้อาจจะมีส่วนผสมของยาบรรเทาอาการปวดหรือลดไข้ อย่าง ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน หรือยานาพรอกเซน ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับยาไรวาสติกมีนแล้วอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกได้ แต่ควรใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำที่แพทย์สั่งให้ใช้สำหรับเหตุผลทางการแพทย์ เช่น ใช้เพื่อป้องกันโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองต่อไป (ขนาดยาโดยปกติคือ 81-325 มก. ต่อวัน) โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยาไรวาสติกมีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไรวาสติกมีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาไรวาสติกมีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาไรวาสติกมีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ระดับเบาถึงปานกลาง
ยาแบบรับประทาน
-ขนาดยาเริ่มต้น 1.5 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง
-ขนาดยาปกติ หลังจากใช้ยาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากสามารถทนขนาดยาเริ่มต้นได้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 3 มก. วันละ 2 ครั้ง หลังจากนั้นการเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 4.5 มก. และ 6 มก. วันละ 2 ครั้ง ควรทำต่อเมื่อได้ใช้ยาในขนาดยาก่อนหน้านี้นานอย่างน้อย 2 สัปดาห์แล้วเท่านั้น
ยาแบบซึมเข้าผิวหนัง
-ขนาดยาเริ่มต้น 4.6 มก./24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้งเท่านั้น
-ขนาดยาปกติ หลังจากใช้ยาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หากสามารถทนขนาดยาเริ่มต้นได้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 9.5 มก./ 24 ชั่วโมง ใช้นานเท่าที่ยังได้รับประโยชน์จากยาในขนาดนี้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง
-ขนาดยาสูงสุด 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้ง การใช้ยาในขนาดที่สูงกว่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มเติมและอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง
โรคอัลไซเมอร์ระดับรุนแรง
ยาแบบซึมเข้าผิวหนัง
-ขนาดยาที่แนะนำ 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้ง เปลี่ยนแผ่นยาใหม่ทุกๆ 24 ชั่วโมง
การใช้งาน เพื่อรักษาภาวาสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ประเภท AD ระดับเบา ปานกลาง หรือรุนแรง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคพาร์กินสัน
ภาวะสมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสันระดับเบาถึงปานกลาง
ยาแบบรับประทาน
ขนาดยาเริ่มต้น 1.5 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้งพร้อมกับมื้อเช้าและมื้อเย็น
ขนาดยาปกติ หลังจากนั้นสามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 3 มก. วันละ 2 ครั้ง และเพิ่มขนาดยาอีกไปจนถึง 4.5 มก. วันละ 2 ครั้ง และ 6 มก. วันละ 2 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับความทนต่อยา) อย่างน้อย 4 สัปดาห์ระหว่างการเพิ่มขนาดยาแต่ละครั้ง
ยาแบบซึมเข้าผิวหนัง
-ขนาดยาเริ่มต้น 4.6 มก./24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้งเท่านั้น
-ขนาดยาปกติ หลังจากใช้ยาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หากสามารถทนขนาดยาเริ่มต้นได้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 9.5 มก./ 24 ชั่วโมง ใช้นานเท่าที่ยังได้รับประโยชน์จากยาในขนาดนี้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง
-ขนาดยาสูงสุด 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้ง การใช้ยาในขนาดที่สูงกว่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มเติมและอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง
การใช้งาน เพื่อรักษาภาวะสมองเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสันระดับเบาถึงปานกลาง
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ เนื่องจากการปรับขนาดยาโดยขึ้นอยู่กับความทนต่อยาของแต่ละคน
ไตบกพร่องระดับปานกลางถึงรุนแรง (อัตราการกรองของไตน้อยกว่า 50 มล./นาที) ผู้ป่วยอาจสามารถทนต่อขนาดยาที่ต่ำกว่าได้เท่านั้น
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
-ตับบกพร่องระดับเบา (ค่าไชด์พิว [Child-Pugh] 5 ถึง 6) และปานกลาง (ค่าไชด์พิว 7 ถึง 9) อาจลดขนาดยาลงมา
-ตับบกพร่องระดับรุนแรง ไม่มีข้อมูล
การปรับขนาดยา
การหยุดชะงัดการรักษาด้วยแผ่นแปะยาซึมเข้าสู่ผิวหนัง
-หากหยุดใช้ยาเป็นเวลาไม่เกิน 3 วัน สามารถกลับมาใช้ยาอีกครั้งในขนาดเดิมหรือขนาดต่ำกว่า
-หากหยุดใช้ยานานกว่า 3 วัน ควรกลับมาเริ่มใช้ยาใหม่ที่ขนาด 4.6 มก./24 ชั่วโมงแล้วค่อยปรับขนาดยา
การปรับขนาดยาในผู้ป่วยน้ำหนักตัวน้อย
-ควรปรับขนาดยาและเฝ้าระวังการเกิดความเป็นพิษ (เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง) ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวน้อย (น้อยกว่า 50 กก.) และพิจารณาลดขนาดยาหากเกิดความเป็นพิษขึ้น
หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร) เนื่องจากการแพ้ยาระหว่างการรักษา ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาเป็นจำนวนหลายครั้งแล้วกลับมาใช้ยาอีกครั้งในขนาดเดิมหรือขนาดที่ต่ำลงหนึ่งระดับ
การเปลี่ยนจากยาแคปซูลหรือยาสารละลายสำหรับรับประทานมาเป็นแผ่นแปะยา
-ผู้ป่วยที่ใช้ยาแบบรับประทานในขนาดทั้งหมดต่อวันที่น้อยกว่า 6 มก. สามารถเปลี่ยนมาเป็นแผ่นแปะยาที่ขนาด 4.6 มก./24 ชั่วโมง
-ผู้ป่วยที่ใช้ยาแบบรับประทานในขนาดทั้งหมดต่อวันที่ 6-12 มก. สามารถเปลี่ยนมาเป็นแผ่นแปะยาที่ขนาด 9.5 มก./24 ชั่วโมงได้โดยตรง
-ควรใช้แผ่นแปะยาครั้งแรกในวันถัดจากวันที่ใช้ยาแบบรับประทานวันสุดท้าย
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
ยาแบบรับประทาน
-แบ่งรับประทานพร้อมกับอาหารในตอนเช้าและตอนเย็น
-สามารถดื่มยาสารละลายได้จากกระบอกยาโดยตรงหรือผสมยากับน้ำเปล่า น้ำผลไม้เย็นๆ หรือโซดา
แผ่นแปะยา
-อย่าใช้แผ่นแปะยาหากถุงยาเสียหายหรือแผ่นแปะยาขาด เสียหาย หรือมีความเปลี่ยนแปลง
-แปะแผ่นแปะยาวันละครั้ง
-กดให้แน่นนาน 30 วินาทีจนริมขอบของแผ่นแปะยาติดแนบสนิท
-แปะยาที่บริเวณหลังส่วนบนหรือส่วนล่าง
-อย่าแปะยาในบริเวณที่เพิ่งทาครีม โลชั่น หรือแป้ง
-อย่าแปะยาลงบริเวณผิวหนังที่มีรอยแดง อาการระคายเคือง หรือแผลบาด
-แปะยาครั้งละแผ่นเท่านั้น
-เปลี่ยนบริเวณที่แปะแผ่นยาทุกวัน อย่าแปะซ้ำในบริเวณเดิมเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน
-สามารถแปะแผ่นยาไว้ในขณะอาบน้ำได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแหล่งความร้อนภายนอกเป็นเวลานาน
การเก็บรักษา
-แยกเก็บแผ่นแปะยาไว้ในถุงยาที่ปิดสนิทจนกว่าจะพร้อมใช้ยา
-เก็บยาสารละลายสำหรับรับประทานไว้ในขวดตั้งตรงและอย่าแช่แข็ง
-ยาสารละลายสำหรับรับประทานจะคงตัวอยู่ได้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมงหลังจากผสมกับน้ำผลไม้หรือโซดาเย็นๆ
ทั่วไป
-ยารูปแบบรับประทานนั้นไม่ได้มีข้อบ่งใช้สำหรับภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ระดับรุนแรง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
-แผ่นแปะยาที่ใช้แล้วควรม้วนพับไว้ ให้ด้านกาวติดเข้าหากันแล้วกำจัดอย่างปลอดภัย
-หลังจากจับแผ่นแปะยาซึมเข้าผิวหนังแล้วอย่าสัมผัสกับดวงตาและควรล้างมือ
ขนาดยาไรวาสติกมีนสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาแคปซูลสำหรับรับประทาน
- ยาสารละลายสำหรับรับประทาน
- แผ่นแปะยาซึมเข้าสู่ผิวหนังแบบออกฤทธิ์นาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]