การใช้
ออริกาโนใช้ทำอะไร
ออริกาโนใช้รักษาอาการ:
- ความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคกล่องเสียงหรือหลอดลมใหญ่อักเสบ และโรคหลอดลมอักเสบ
- โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการแสบร้อนกลางอก และท้องอืด ท้องเฟ้อ
- อาการปวดประจำเดือน
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- อาการปวดศีรษะและโรคหัวใจ
น้ำมันออริกาโนมีประสิทธิภาพในการรักษาพยาธิในลำไส้ อาการแพ้ ไซนัส โรคปวดข้อ ไข้หวัดทั่วไป ไข้หวัดใหญ่ อาการปวดหู และอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย
ใช้ทาบริเวณผิวหนังเพื่อรักษาสิว โรคน้ำกัดเท้า ผิวมัน รังแค แผลร้อนใน โรคหูด กลากเกลื้อน โรคโรซาเซียและโรคสะเก็ดเงิน รวมไปถึงบรรเทาอาการจากแมลง สัตว์กัดต่อย โรคปริทันต์ ปวดฟัน เจ็บกล้ามเนื้อและเส้นเลือดขอด และยังใช้ทาบริเวณผิวหนังเพื่อป้องกันแมลง
ผลที่ได้
ออริกาโน่มีสารที่ช่วยบรรเทาอาการไอและอาการชัด อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหารและต่อสู้กับแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา พยาธิในลำไส้ และปริสิตต่างๆ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร
ข้อควรระวังและคำเตือนการใช้
สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ออริกาโน่
ควรปรึกษาหรือพบกับแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร ถ้าอยู่ในอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:
- หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- อยู่ในระหว่างรับประทานยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
- หากเคยมีประวัติแพ้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งของออริกาโน่หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
- หากมีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือสภาพทางการแพทย์อื่นๆ
- หากเคยมีประวัติการแพ้ต่างๆ แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือแพ้เนื้อสัตว์
กฎระเบียบสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่ายาชนิดอื่นๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้มากเพื่อความปลอดภัยในการใช้ คุณประโยชน์ของการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้ต้องมีมากกว่าความเสี่ยงก่อนการใช้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์
ออริกาโน่ปลอดภัยหรือไม่
หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร: ออริกาโน่ปลอดภัยสำหรับการรับประทานระหว่างการตั้งครรภ์ แต่อาจมีข้อกังวลในการรับประทานปริมาณมากอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้ และยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการรับประทานออริกาโน่ในช่วงให้นมบุตร
การผ่าตัด: ออริกาโน่อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเลือดออกผิดปกติ ควรหยุดรับประทานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ออริกาโน่
เมื่อรับประทานออริกาโน่อาจทำให้มีอาการปากแห้ง
จากอาการผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีผลข้างเคียง หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา ควรปรึกษาแพทย์
ปฏิกิริยาระหว่างกันของยา
ปฏิกิริยาที่จะได้รับเมื่อใช้ยาอื่นควบคู่กับออริกาโน่
ออริกาโน่อาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่ควบคู่กัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้
ยาบางชนิดที่อาจมีปฏิกิริยากับออริกาโน่ เช่น:
ลิเทียม:
ออริกาโน่อาจมีประสิทธิภาพคล้ายกับยาขับน้ำหรือยาขับปัสสาวะ การรับประทานออริกาโน่อาจทำให้ปริสิทธิภาพในการกำจัดลิเทียมดีขึ้น และอาจส่งผลข้างเคียงรุนแรงต่อร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาลิเทียม
ยาต้านเบาหวาน:
ออริกาโน่อาจมีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือด เช่นเดียวกับยาต้านเบาหวาน ในทางทฤษฎี เมื่อรับประทานทั้งสองร่วมกันอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงจนเกินไป ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด และปรับเปลี่ยนปริมาณยาต้านเบาหวานให้เหมาะสม
ยาต้านเบาหวาน เช่น glimepiride (Amaryl), glyburide (DiaBeta, Glynase PresTab, Micronase), insulin, metformin (Glucophage), pioglitazone (Actos), rosiglitazone (Avandia) และอื่นๆ
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด:
ออริกาโน่อาจมีประสิทธิภาพในการชะลกการแข็งตัวของเลือด ในทางทฤษฎี เมื่อรับประทานทั้งสองร่วมกัน อาจทำให้มีอาการฟกช้ำและเลือดออกได้ง่าย
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น aspirin, clopidogrel (Plavix), dabigatran (Pradaxa), dalteparin (Fragmin), enoxaparin (Lovenox), heparin, warfarin (Coumadin) และอื่นๆ
ควรแจ้งแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้:
ภาวะเลือดออกผิดปกติ:
ออริกาโน่อาจเพิ่มความเสี่ยงในผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
อาการแพ้:
ออริกาโน่อาจมีปฏิกิริยาในผู้แพ้พืชในวงศ์กะเพรา เช่น กะเพรา ฮิสซอพ ลาเวนเดอร์ มาร์จอรัม โหระพาและเสจ
โรคเบาหวาน:
ออริกาโน่อาจมีประสิทธิภาพช่วยให้น้ำตาลในเลือดลดลง ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรใช้ออริกาโน่อย่างระมัดระวัง
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดปกติของการใช้ออริกาโน่อยู่ที่เท่าไร
ปรสิตในลำไส้:
รับประทานน้ำมันออริกาโน่ในปริมาณที่แนะนำคือ 200 มิลลิลิตร 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 6 สัปดาห์
น้ำชาควรใช้ออริกาโน่สดหรืออบแห้ง ปริมาณ 1-2 ช้อนชา หรือประมาณ 5-10 กรัม ชงในน้ำร้อน ทิ้งไว้ 10 นาที แนะนำให้ดื่ม 3 ครั้งต่อวัน
เมื่อนำน้ำมันออริกาโน่ทาบริเวณผิวจะช่วยรักษาอาการน้ำกัดเท้า การติดเชื้อหรือเชื้อราอื่นๆ โดยเจือจางประมาณ 50% นำมาทาบริเวณที่มีอาการ 2 ครั้งต่อวัน
ปริมาณการออริกาโน่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ป่วย ซึ่งปริมาณยาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพ และปัจจัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปริมาณยาที่เหมาะสมสำหรับการรับประทาน
ออริกาโน่มีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง
ออริกาโน่อาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:
- ออริกาโน่ชนิดเม็ดและแคปซูล
- ชาออริกาโน่
- น้ำมันออริกาโน่
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ วินิจฉัย หรือการรักษาแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]