สุขภาพจิต ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสมดุลและมีความสุข เมื่อสุขภาพจิตดี ชีวิตด้านอื่น ๆ ก็มักจะดีตามไปด้วย โดยเฉพาะสุขภาพกาย ดังนั้น การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพจิต ทั้งวิธีการดูแลสุขภาพจิตที่เหมาะสม ตลอดไปจนถึงปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อย พร้อมวิธีการรับมือ จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น
[embed-health-tool-bmi]
สุขภาพจิต คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ
สุขภาพจิต (Mental Health) คือ ภาวะความเป็นอยู่ทางใจ ที่มีความสัมพันธ์ต่ออารมณ์และความรู้สึก การมีสุขภาพจิตที่ดีจะช่วยให้เราเผชิญต่อความเครียดได้ สามารถเรียนรู้และทำงานได้ดี มีความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ และมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างมีคุณค่า
กรมสุขภาพจิตอธิบายไว้ว่า “สุขภาพจิตหมายถึงภาวะจิตใจที่เป็นสุข ปรับตัวแก้ปัญหาได้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี” ซึ่งสอดคล้องกับนิยามสากลของ WHO (World Health Organization)
สุขภาพจิตเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพโดยรวม การจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง จำเป็นต้องมีสุขภาพจิตที่ดีควบคู่กัน หากละเลยการดูแลสุขภาพจิตก็อาจส่งผลกระทบต่อปัจจัยด้านอื่น ๆ ทั้งปัจจัยส่วนบุคคลอย่างสุขภาพกาย ตลอดไปจนถึงปัจจัยภายนอกอย่างการทำงานหรือการอยู่ร่วมในสังคมกับผู้อื่น ดังนั้น การดูแลสุขภาพจิตให้ดีและมั่นคงจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการใช้ชีวิตที่มีความสุข
ปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อย
ปัญหาสุขภาพจิตนั้นมีหลากหลายชนิดและรูปแบบ โดยปัญหาด้านสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในประเทศไทย มีดังนี้
โรคซึมเศร้า (Depression)
โรคซึมเศร้า เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือการใช้ยาบางชนิด
อาการของโรคซึมเศร้าอาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- อาการเศร้าซึม ไม่มีความสุข รู้สึกว่างเปล่า
- อารมณ์เบื่อ แม้แต่ในสิ่งที่เคยสนใจ
- นอนไม่หลับ หรือนอนมากผิดปกติ
- อารมณ์แปรปรวน อาจมีการระเบิดอารมณ์โมโหแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
- เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
- เบื่ออาหาร หรือกินมากผิดปกติ
- กระสับกระส่าย ร้อนรน
- รู้สึกผิดกับบางสิ่ง หรือโทษตัวเอง
- อาจมีความคิดอยากทำร้ายตัวเอง
โรควิตกกังวล (Anxiety)
โรควิตกกังวล อาจเกิดได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความกดดัน ความเครียด พันธุกรรม และความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม และทำให้ร่างกายแสดงอาการที่ไม่สามารถควบคุมได้
อาการของโรควิตกกังวลที่พบบ่อย ได้แก่
- ใจสั่น มือสั่น
- กระสับกระส่าย
- นอนไม่หลับ
- ไม่มีสมาธิ
- หงุดหงิด
- กล้ามเนื้อเกร็ง
- มือเท้าเย็น
- เหงื่อออก
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดศีรษะ
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
โรคจิตเภท เป็นภาวะสุขภาพจิตรุนแรงที่ส่งผลต่อการคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม อาจมีทั้งอาการประสาทหลอน ความหลงผิด ตลอดจนถึงความคิดและพฤติกรรมที่สับสน
- ประสาทหลอน (Hallucinations) มองเห็นสิ่งของหรือได้ยินเสียงที่ผู้อื่นไม่รับรู้
- ความหลงผิด (Delusions) เชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ผู้ที่เป็นโรคจิตเภทอาจดูเหมือน “หลุดจากความเป็นจริง” ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันยากลำบาก
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการของโรคอาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว (Bipolar Disorder)
โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว หรือเรียกอีกอย่างว่า โรคไบโพลาร์ เป็นภาวะสุขภาพจิตที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์อย่างรุนแรง ตั้งแต่อารมณ์พุ่งสูง (แมเนีย ไปจนถึงอารมณ์ตกต่ำ (ซึมเศร้า) โดยแบ่งอาการออกได้ ดังนี้
- อาการในช่วงอารมณ์พุ่งสูง (แมเนีย) จะมีอาการเหมือนคนมีพลังงานล้นมากกว่าปกติ อาจจะรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขมากกว่าปกติ หรือหงุดหงิดผิดปกติ
- อาการในช่วงอารมณ์ตกต่ำ (ซึมเศร้า) จะมีอาการหมดอาลัยตายอยาก สิ้นหวัง เศร้าซึม เสียใจ และไม่สนใจทำสิ่งต่าง ๆ แม้แต่สิ่งที่เคยชื่นชอบ
โดยปกติแล้ว อารมณ์ที่แกว่งจากซึมเศร้าไปสู่แมเนียอาจเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง และบางคนอาจมีทั้งซึมเศร้าและแมเนียพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
สถานการณ์ด้านปัญหาสุขภาพจิตในไทย
ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในประเทศไทยพบผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี โดยในปี พ.ศ. 2566 มีผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับจิตเวชมากกว่า 4 ล้านคน แต่มีเพียงแค่ 38.75% ที่เข้าถึงการรักษา อีก 61.25% นั้นยังไม่ได้รับการรักษา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การเข้าสังคม และการทำงาน
นอกจากนี้ อัตราการฆ่าตัวตายภายในประเทศไทยยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 32% ระหว่างปี พ.ศ. 2560-2565 และในปี พ.ศ. 2566 มีรายงานกรณีการพยายามฆ่าตัวตายมากถึง 31,402 ครั้ง ในประเทศไทย
ปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต
ปัญหาสุขภาพจิตอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิตได้ ตัวอย่างเช่น
- ประวัติคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่ มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต
- ประวัติเคยมีปัญหาสุขภาพจิตมาก่อน
- เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจ
- การบาดเจ็บที่สมอง
- โรคทางกายเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
- ความเครียดและความกดดัน
- การใช้สารเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ผลกระทบของปัจจัยเหล่านี้ต่อสุขภาพจิตอาจมีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อีกทั้งบางคนยังสามารถมีความผิดปกติทางจิตได้มากกว่า 1 กรณี
การดูแลตัวเองให้ห่างไกลปัญหาสุขภาพจิต
การดูแลตัวเองเพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต สามารถทำได้ ดังนี้
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยให้รู้สึกมีความสุขและลดความเครียด
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่ครบถ้วน สมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยบำรุงร่างกายและสมองให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยคืนละ 8 ชั่วโมง เพื่อช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ ลดความเครียด
- หางานอดิเรกหรือกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เล่นเกม จะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดและความวิตกกังวล
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ทั้งคนในครอบครัวและเพื่อน พูดคุยและปรึกษากับคนที่คุณรักเพื่อช่วยระบายความเครียดและสร้างเสริมกำลังใจ
- หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ คอยสังเกตความผิดปกติทั้งทางกายและทางใจ พูดคุยและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที
มีปัญหาสุขภาพจิต ทำอย่างไรดี
หากสังเกตพบอาการเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต สิ่งที่ควรทำ มีดังนี้
- คุยกับแพทย์หรือนักจิตวิทยา คุณสามารถเข้าพูดคุยกับจิตแพทย์ได้หากรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกหดหู่ วิตกกังวล เศร้าซึม หงุดหงิด หรือรู้สึกว่ากำลังมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการรุนแรง การพูดคุยและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้สามารถทำการประเมินอาการและวางแผนการรับมือได้อย่างเหมาะสม
- อย่าปล่อยให้ตัวเองสู้ตามลำพัง ปรึกษาคนที่ไว้ใจไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนที่คุณรักเพื่อให้พวกเขาช่วยสนับสนุน คอยช่วยเหลือ และช่วยสังเกตความผิดปกติของสุขภาพจิตที่คุณอาจมองข้าม
- โทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต หากสังเกตพบความผิดปกติของสุขภาพจิต อาจโทรหาสายด่วนเพื่อนัดหมายและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างรวดเร็ว
ควรทำอย่างไรเมื่อคนใกล้ตัวมีปัญหาสุขภาพจิต
สิ่งที่ควรทำหากพบว่าคนใกล้ตัวมีปัญหาสุขภาพจิต มีดังนี้
- รับฟังปัญหาอย่างไม่ตัดสิน รับฟังอย่างตั้งใจ อย่ารีบร้อนให้คำแนะนำหรือออกความเห็น เพื่อช่วยเปิดพื้นที่ให้เขาพูดความรู้สึกอย่างปลอดภัย
- แนะนำให้ไปพบผู้เชี่ยวชาญ และช่วยหาข้อมูลรวมถึงนัดหมายแพทย์ให้ นอกจากนี้ บางครั้งการไปเป็นเพื่อนในนัดหมอครั้งแรกก็อาจช่วยลดความกังวลได้เป็นอย่างมาก
- คอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากพบสัญญาณรุนแรงหรือพฤติกรรมผิดปกติ อาจจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉินหรือพาไปส่งโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลควรใส่ใจสุขภาพจิตของตนเองควบคู่กันไป และตระหนักว่าในบางกรณี การส่งต่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลนั้นอาจเหมาะสมกว่า
เบอร์สายด่วนที่ควรรู้ในประเทศไทย
เบอร์สายด่วนสุขภาพจิตที่ควรรู้ในประเทศไทย
- 1323 สายด่วนสุขภาพจิต ให้บริการคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต โดยสามารถนัดหมายออนไลน์ได้ในช่องทาง คลิก หรือติดต่อผ่านทาง Facebook: @helpline1323
- 02-113-6789 สมาคมสะมาริตันส์ (เวลา 12.00 – 22.00 น) เพื่อนพูดคุยทางโทรศัพท์ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อช่วยป้องกันการฆ่าตัวตาย