โรคหลอกตัวเอง เป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพหรือทางพฤติกรรม ซึ่งเป็นพฤติกรรามที่อาจเกิดจากแรงกดดันทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกอึดอัด จนต้องมีพฤติกรรมโกหกจนเป็นนิสัย และหากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษา อาจเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับตัวผู้ป่วยและคนรอบข้างได้
โรคหลอกตัวเองคืออะไร
โรคหลอกตัวเอง (Pathological Liar หรือ Mythomania หรือ Pseudologia fantastica) จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางบุคลิกภาพ หรือความผิดปกติทางพฤติกรรม โดยจะมีพฤติกรรมโกหกตามแรงกดดันจนกลายเป็นนิสัย เมื่อถูกบังคับหรือถูกกดดันให้พูดความจริง ผู้ป่วยจะรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ จนกลายเป็นพฤติกรรมโกหกโดยอัตโนมัติ
การโกหกของผู้ที่เป็นโรคหลอกตัวเอง ไม่ใช่การโกหกสีขาว หรือการโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครั้งคราว แต่เป็นการโกหกแบบไม่มีเหตุผลแน่ชัด ทำให้ผู้รับฟังรู้สึกหงุดหงิดและไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร
สาเหตุของ โรคหลอกตัวเอง
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าโรคหลอกตัวเองเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความเจ็บป่วยทางจิต เช่น โรคต่อต้านสังคม โรคหลงตัวเอง โรคย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเป็นผลมาจากระบบประสาทส่วนกลางผิดปกติ การบาดเจ็บที่ศีรษะ บาดแผลทางจิตใจตั้งแต่วัยเด็ก หรือระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ไม่สมดุล
อาการของโรคหลอกตัวเอง
อาการของโรคหลอกตัวเองตามหลักวิทยาศาสตร์ มีดังนี้
โกหกแบบไม่มีจุดประสงค์ที่แน่ชัด
เป็นการโกหกโดยสร้างเรื่องขึ้นมาแบบไม่มีจุดประสงค์ที่เจตนาแน่ชัดซึ่งเพื่อน ครอบครัว หรือคนรอบข้างไม่สามารถหาสาเหตุของการโกหกนั้นได้
เรื่องเล่าน้ำเน่า ซับซ้อน และมีรายละเอียดมาก
ผู้ที่เป็นโรคหลอกตัวเองจะชอบแต่งเรื่อง ชอบเล่าเรื่อง โดยเรื่องที่เล่าส่วนใหญ่จะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และน่าติดตาม ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่เกินจริงและมีจุดประสงค์เพื่อโน้มน้าวใจอีกฝ่าย
ชอบสวมบทบาท
ผู้ป่วยมักจะสวมบทบาทเป็นฮีโร่หรือเหยื่อในเรื่องโกหกหรือเรื่องเล่า เพื่อเรียกร้องความสนใจ ความเห็นอกเห็นใจ ความชื่นชอบ และการยอมรับจากคนอื่น
เชื่อว่าเรื่องที่โกหกเป็นเรื่องจริง
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอกตัวเองมักเชื่อว่าเรื่องเล่านั้นเป็นเรื่องจริง ทำให้การรับมือกับผู้ที่เป็นโรคหลอกตัวเองกลายเป็นเรื่องยาก เพราะผู้ป่วยอาจแยกไม่ออกว่าสิ่งไหนเรื่องจริง สิ่งไหนเรื่องแต่ง
ความแตกต่างระหว่างการโกหกสีขาวกับโรคหลอกตัวเอง
ข้อแตกต่างที่สามารถสังเกตได้ มีดังนี้
การโกหกสีขาว
- เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
- เป็นเรื่องโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ
- เรื่องโกหกไม่เป็นเรื่องร้ายแรง หรือสร้างอันตราย
- ไม่ได้โกหกเพราะมีเจตนาร้าย
- โกหก เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย หรือเพราะไม่อยากมีปัญหา
ตัวอย่างการโกหกสีขาว
- โกหกว่าปวดหัวเพราะไม่อยากเข้าร่วมประชุม
- บอกว่าจ่ายบิลค่าโทรศัพท์แล้ว แต่ความยังไม่ได้จ่าย
- โกหกว่ามาสายเพราะรถเสีย ซึ่งในความจริงคือตื่นสาย
การโกหกของโรคหลอกตัวเอง
- โกหกบ่อย และมักเกิดจากแรงกดดัน
- โกหก โดยไม่มีเหตุผล หรือจุดประสงค์ที่แน่ชัด
- โกหกจนเป็นนิสัย
- มักสวมบทบาทเป็นฮีโร่หรือเหยื่อในเรื่องโกหก
- โกหกโดยไม่รู้สึกผิด หรือไม่กลัวว่าจะถูกจับได้
ตัวอย่างการ โกหกของโรคหลอกตัวเอง
- โกหกว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรง หรือป่วยหนักใกล้จนเสียชีวิต
- โกหกเพื่อให้คนอื่นประทับใจ เช่น โกหกว่าเป็นญาติกับดาราชื่อดัง
- สร้างเรื่องประสบการณ์ชีวิตตัวเองขึ้นมาใหม่ เช่น บอกว่าเคยได้รับรางวัลทั้งที่ไม่เคยได้ บอกว่าเคยไปเที่ยวเมืองนอกทั้งที่ไม่เคยไป
วิธีรับมือกับผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอกตัวเอง
วิธีรับมือกับผผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอกตัวเองสามรถทำได้ ดังนี้
ควบคุมสติ
ควรควบคุมสติและใจเย็นกับผู้ที่เป็นโรคหลอกตัวเอง คอยเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย ใช้เหตุผลชี้แจงข้อเท็จจริง
ไม่ควรบังคับให้ผู้ป่วยพูดความจริง
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอกตัวเองมักเล่าเรื่องราว หรือตอบคำถามด้วยเรื่องโกหก ดังนั้นไม่ควรคาดหวังหรือบังคับให้ผู้ป่วยพูดความจริง แต่ควรพูดคุยกับผู้ป่วยด้วยเหตุผลและใจเย็น
ไม่ควรสนับสนุนคำโกหก
หากผู้ป่วยกำลังพูดโกหกไม่ควรสนับสนุนคำโกหกนั้น แต่ควรใช้คำถามอย่างสุภาพถึงเรื่องที่ผู้ป่วยกำลังเล่า วิธีนี้อาจช่วยให้ผู้ป่วยเลิกโกหกได้
สนับสนุนให้ผู้ป่วยเห็นคุณค่าในตัวเอง
ควรทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาเพื่อให้ผู้อื่นประทับใจ และสนับสนุให้ผู้ป่วยเห็นคุณค่าในตัวเอง และอยู่เคียงข้างคอยเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยเสมอ
ให้ความช่วยเหลือด้านการรักษา
การเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับโรคและการรักษาให้ให้กับผู้ป่วย ใช้คำพูดโน้มน้าวใจที่ไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอับอาย หรือเป็นปมด้อย และสนับสนุนในการรักษาอยู่เสมอ