backup og meta

ร้อนใน สาเหตุ อาการ และการรักษา

ร้อนใน สาเหตุ อาการ และการรักษา

ร้อนใน หมายถึงแผลเปิดภายในปากที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาว มีอาการเจ็บแสบ และอาจสร้างความระคายเคือง มักเกิดขึ้นที่บริเวณเนื้อเยื่อภายในช่องปาก เช่น กระพุ้งแก้ม ลิ้น โดยปกติแผลร้อนในจะไม่มีอาการรุนแรงใด ๆ และสามารถหายไปได้เองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่การใช้ยาแก้ปวด หรือยาป้ายแผลร้อนใน อาจสามารถช่วยบรรเทาอาการร้อนใน และเร่งให้แผลร้อนในหายไวขึ้นได้

[embed-health-tool-bmi]

คำจำกัดความ

ร้อนใน คืออะไร

ร้อนใน หมายถึงแผลเปิดสีขาวเล็ก ๆ ภายในปาก ที่มักเกิดขึ้นบริเวณกระพุ้งแก้ม โคนเหงือก บนลิ้น หรือใต้ลิ้น ทำให้เกิดอาการเจ็บแสบ ระคายเคือง และอาจส่งผลกระทบต่อการพูดหรือการรับประทานอาหารได้ ร้อนในเป็นอาการที่พบได้บ่อย และสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นและผู้ที่มีอายุในช่วง 20 ปีต้น ๆ 

ร้อนในแตกต่างจากเริมที่ริมฝีปาก เนื่องจากแผลร้อนในจะเกิดขึ้นภายในช่องปาก ส่วนเริมที่ริมฝีปากมักจะมีอาการที่บริเวณริมฝีปากและมุมปากภายนอก อีกทั้งเริมที่ริมฝีปากยังสามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ แตกต่างจากร้อนในที่ไม่แพร่กระจายสู่ผู้อื่น

อาการ

อาการของร้อนใน

ร้อนในมักปรากฏขึ้นในบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนภายในปาก เช่น ลิ้น กระพุ้งแก้ม โคนเหงือก ซึ่งอาจสังเกตได้จากอาการ ดังนี้

  • ตุ่มเล็ก ๆ สีแดงหรือสีขาว ที่พัฒนากลายเป็นแผลเปิดเป็นวงกลมหรือวงรีเล็ก ๆ
  • อาการเจ็บและแสบบริเวณแผล

สำหรับร้อนในที่อาการรุนแรง อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

  • เป็นไข้
  • เหนื่อยล้า
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม

ควรพบคุณหมอเมื่อใด

โดยทั่วไปอาการร้อนในมักจะหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์ แต่หากพบอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที

  • มีอาการรร้อนในนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • แผลร้อนในมีขนาดใหญ่มากผิดปกติ
  • แผลร้อนในมีอาการปวดรุนแรงจนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
  • แผลเริ่มลุกลามไปส่วนอื่น ๆ
  • มีไข้สูง
  • มีอาการร้อนในบ่อยมากผิดปกติ

สาเหตุ

สาเหตุของร้อนใน

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดร้อนใน แต่ปัจจัยบางอย่างอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดร้อนในได้ ดังนี้

  • การบาดเจ็บภายในปาก เช่น การกัดลิ้น การกัดกระพุ้งแก้ม แผลจากเหล็กจัดฟัน อาจกลายเป็นแผลร้อนในได้
  • ความเครียด 
  • การแปรงฟันรุนแรงมากเกินไป
  • การรับประทานอาหารที่มีความเป็นกรดสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำมะนาว อาจทำให้เนื้อเยื่อภายในปากระคายเคือง และกลายเป็นแผลร้อนใน
  • การขาดสารอาหารประเภทวิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก สังกะสี และโฟเลต
  • อาการแพ้อาหาร หรือสารที่อยู่ในยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก 
  • เชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter pylori) เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อาจทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้เช่นกัน
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือน
  • โรคบางอย่าง เช่น โรคเซลิแอค (Celiac Disease) โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคเอดส์ ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการแผลร้อนในได้เช่นกัน

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของอาการร้อนใน

ปัจจัยดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดร้อนในได้

  • อายุ วัยรุ่นและผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว มักมีโอกาสเป็นร้อนในได้มากกว่าช่วงอื่น
  • ความเครียดสะสม
  • การจัดฟัน

นอกจากนี้ อาการร้อนในยังอาจเกิดขึ้นได้บ่อยในบางครอบครัว ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดในครอบครัว หรือเป็นผลจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกัน เช่น อาหารที่รับประทาน สารก่อภูมิแพ้บางชนิด

การวินิจฉัยและการรักษาโรค

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยร้อนใน

คุณหมอสามารถวินิจฉัยร้อนในได้จากการตรวจดูอาการ โดยไม่ต้องทำการทดสอบใด ๆ เพิ่มเติม สำหรับแผลร้อนในตามปกติที่มีอาการไม่เกิน 2 สัปดาห์ ไม่มีอาการปวดที่รุนแรง และไม่มีอาการอื่น ๆ เช่น ไข้สูง ร่วมด้วย อาจไม่จำเป็นต้องทำการตรวจวินิจฉัยแผลร้อนใน แต่สำหรับผู้ที่มีอาการร้อนในเป็นประจำหรือมีอาการรุนแรง อาจจำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการร้อนในเพิ่มเติม

การรักษาร้อนใน

ร้อนในสามารถหายไปได้เองภายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องทำการรักษา อย่างไรก็ตาม การใช้ยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) อาจสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดจากแผลร้อนในได้ นอกจากนี้ การบ้วนปากด้วยคลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) หรือการใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) แบบทาเฉพาะที่ ก็อาจช่วยบรรเทาอาการร้อนใน และช่วยเร่งให้แผลร้อนในหายเร็วขึ้นได้

การรักษาแผลร้อนในด้วยตัวเอง

วิธีการดูแลรักษาแผลร้อนในที่สามารถทำได้เองเหล่านี้ อาจสามารถช่วยบรรเทาอาการปวด และช่วยให้แผลร้อนในหายเร็วขึ้นได้

  • บ้วนปากด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือหรือเบกกิ้งโซดา 
  • ใช้สำลีจุ่มยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium Hydroxide) หรือที่เรียกอีกอย่างว่ายามิลค์ออฟแมกนีเซีย (Milk of magnesia) แล้วป้ายในบริเวณแผลร้อนใน
  • ใช้ยาป้ายร้อนใน ที่มีทั้งแบบเจล แบบครีม และแบบยาน้ำ ป้ายบริเวณแผลร้อนใน

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อจัดการกับร้อนใน

วิธีดูแลตัวเองเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาอาการร้อนในได้

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 
  • เลือกใช้แปรงสีฟันที่ขนแปรงอ่อนนุ่ม ไม่แข็งเกินไป และไม่ควรแปรงฟันรุนแรงเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อในช่องปากระคายเคืองได้ เช่น อาหารรสเผ็ด อาหารรสเปรี้ยว อาหารรสเค็ม รวมถึงอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Canker Sores. https://kidshealth.org/en/parents/canker.html. Accessed November 16, 2021.

Canker sore. https://medlineplus.gov/ency/article/000998.htm. Accessed November 16, 2021.

Canker sore. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/canker-sore/symptoms-causes/syc-20370615. Accessed November 16, 2021.

Canker Sore (Aphthous Ulcer). https://www.webmd.com/oral-health/guide/canker-sores. Accessed November 16, 2021.

Canker Sores. https://kidshealth.org/en/teens/canker.html. Accessed November 16, 2021.

เวอร์ชันปัจจุบัน

25/08/2023

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

แผลในปาก เกิดจากอะไร และวิธีดูแลเมื่อ ลูกเป็นแผลในปาก

ปากเปื่อยร้อนใน มีสาเหตุจากโรคไข้หวัดจริงหรือ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 25/08/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา