ถุงใต้ตา มักจะเป็นปัญหาในเรื่องความสวยความงาม ส่วนปัญหาเรื่องสุขภาพ มักจะไม่ค่อยพบว่าถุงใต้ตาเป็นสัญญาณทางการแพทย์ที่ร้ายแรง สำหรับวิธีการลดถุงใต้ตาที่ทำได้ที่บ้าน เช่น การประคบเย็นสามารถช่วยลดถุงใต้ตาได้ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีถุงใต้ตาถาวรหรือรู้สึกเป็นปัญหา ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
สาเหตุของการเกิด ถุงใต้ตา
อายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่พยุงหนังตาอ่อนแอลง และการสะสมของเหลวบริเวณใต้ตาของคุณ สามารถทำให้เกิดถุงใต้ตา ซึ่งผิวหนังบริเวณใต้ดวงตาจะบวมขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตา หรือทำให้อาการแย่ลง ได้แก่
- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- โรคภูมิแพ้
- การสูบบุหรี่
- กรรมพันธุ์
- การกักเก็บของเหลวบริเวณใต้ดวงตา โดยเฉพาะช่วงตื่นนอน หรือหลังจากกินอาหารเค็ม
วิธีลดและบรรเทาการเกิด ถุงใต้ตา
วิธีการลดถุงใต้ตา ที่คุณสามารถเริ่มทำได้ที่บ้าน มีดังต่อไปนี้
ใช้ถุงชา
คุณสามารถใช้ถุงชาที่มีสารคาเฟอีน วางทับบริเวณใต้ดวงตาเพื่อช่วยลดรอยคล้ำใต้ดวงตาและถุงใต้ตา เนื่องจากคาเฟอีนในชามีสารต้านอนุมูลอิสระ และอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ผิว นอกจากนี้ยังอาจช่วยป้องกันรังสียูวี และอาจช่วยชะลอวัยด้วย โดยหลังจากดื่มชาที่มีคาเฟอีน คุณอาจทำดังนี้
- แช่ถุงชา 2 ถุงในน้ำชาเป็นเวลา 3-5 นาที
- แช่ถุงชาไว้ในตู้เย็น 20 นาที
- บีบน้ำชาออกจนถุงชาแห้งหมาด
- วางถุงชาบริเวณใต้ดวงตาไว้ประมาณ 15-30 นาที
ใช้แผ่นเจลประคบเย็น
การใช้แผ่นเจลประคบเย็นบริเวณถุงใต้ตา เป็นเวลา 1-3 นาที อาจช่วยลดถุงใต้ตาได้ชั่วคราว เนื่องจากการใช้ความเย็นจะทำให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรวดเร็วจึงสามารถบรรเทาชั่วคราวได้ โดยคุณอาจซื้อแผ่นเจลประคบเย็นจากร้านค้า หรือประคบเย็นจากการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- ช้อนแช่แข็ง
- แตงกวาเย็น
- ถุงผักแช่แข็ง
- ผ้าเย็น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะประคบเย็นควรห่อแผ่นเจลประคบเย็นด้วยผ้านุ่ม เพื่อป้องกันผิวจากความเย็นจัด
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ภาวะขาดน้ำเกี่ยวข้องกับการเกิดถุงใต้ตา โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรดื่มน้ำอย่างน้อย 13 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงควรดื่มน้ำ 9 แก้วต่อวัน ดังนั้นคุณอาจบอกลาถุงใต้ตา ด้วยการดื่มน้ำให้มากขึ้นกว่าเดิม
รักษาอาการของโรคภูมิแพ้
ถุงใต้ตาอาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ รวมถึงรอยคล้ำใต้ดวงตาด้วย นอกจากนี้คุณอาจมีอาการตาแดง น้ำตาไหล และคันตา ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ต่อสิ่งที่ทำให้ระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้
ถ้าคุณรู้สึกว่าถุงใต้ตาอาจเกี่ยวข้องกับอาการภูมิแพ้ อาจใช้ยาที่รักษาโรคภูมิแพ้ และควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ แต่หากคุณเป็นภูมิแพ้และมีอาการถุงใต้ตาเรื้อรัง ควรไปพบคุณหมอ
ทำความสะอาดเครื่องสำอาง
การปรับกิจวัตรก่อนนอน อาจช่วยป้องกันการเกิดถุงใต้ตาได้ โดยก่อนเข้านอนควรทำความสะอาจผิวหน้า และไม่ควรนอนหลับทั้งที่ยังมีเครื่องสำอางอยู่บนใบหน้า เนื่องจากถ้าคุณมีมาสคาร่า หรือเครื่องสำอางที่ตกแต่งดวงตาต่างๆ อาจทำให้เกิดอาการดังนี้
- ระคายเคืองดวงตา
- เกิดอาการแพ้
- พัฒนาเป็นการติดเชื้อที่จะทำให้มีอาการตาแดง ตาบวม หรืออาการอื่นๆ
มากไปกว่านั้นยังมีข้อมูลว่าการลืมทำความสะอาดผิวหน้าก่อนนอน หรือนอนหลับไปพร้อมเครื่องสำอาง อาจทำให้เกิดริ้วรอยบนผิวหน้า และเกิดความเสียหายต่อผิว รวมถึงทำให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัยด้วย
ป้องกันดวงตาจากแสงยูวี
นอกจากจะใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวกายแล้ว การทาครีมกันแดดบนผิวหน้าก็สำคัญเช่นกัน เนื่องจากแสงแดดสามารถทำให้ผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยได้ จึงควรใช้ครีมกันแดด แว่นกันแดด และหมวก เพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดด นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำว่าควรสวมแว่นกันแดดทุกวัน เนื่องจากอาจช่วยลดถุงใต้ตา และช่วยให้อาการใต้ตาคล้ำดีขึ้น
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวมักจะมีส่วนผสมที่ชื่อว่า ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ที่จะรบกวนการผลิตเมลานินของผิว ซึ่งสามารถช่วยลดรอยคล้ำบริเวณถุงใต้ตา และลดรอยคล้ำใต้ตาได้ โดยผลิตภัณฑ์อาจอยู่ในรูปแบบของมอยส์เจอไรเซอร์ ประเภทครีม เจล โลชัน ซึ่งควรใช้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการแพ้หลังใช้ผลิตภัณฑ์ หรือมีผิวหน้าแห้ง ระคายเคือง และผิวอ่อนแอ ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันที และควรปรึกษาแพทย์