backup og meta

ประจำเดือนขาด เกิดจากสาเหตุใด

ประจำเดือนขาด เกิดจากสาเหตุใด

ประจำเดือนขาด อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร การเข้าสู่หรืออยู่ในวัยหมดประจำเดือน การรับประทานยาบางชนิด รวมถึงอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ส่งผลทำให้ประจำเดือนขาด ดังนั้น หากพบว่าประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาดไป 3 เดือน ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัดและรับการรักษา

[embed-health-tool-ovulation]

ประจำเดือน คืออะไร 

ประจำเดือน คือ เลือดที่ออกมาจากทางช่องคลอดเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์ ผู้หญิงอาจเริ่มมีประจำเดือนตอนอายุประมาณ 11-14 ปี โดยเฉลี่ยผู้หญิงจะมีรอบประจำเดือนประมาณ 24-38 วัน และจะมีประจำเดือนครั้งละประมาณ 3-5 วัน แต่ไม่ควรเกิน 7 วัน นอกจากนี้ หากมีประจำเดือนผิดปกติ เช่น ปริมาณเลือดประจำเดือนมาน้อยหรือมามากเกินไป ประจำเดือนขาด รอบเดือนมีความคลาดเคลื่อน ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยหาสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนผิดปกติ เมื่อทราบสาเหตุแล้ว จะได้รักษาได้อย่างเหมาะสมที่สุด

สาเหตุที่ประจำเดือนขาด

ประจำเดือนขาดอาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ 

  • การตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายของผู้หญิงจะไม่มีการตกไข่ในช่วงตั้งครรภ์ จึงส่งผลให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่มีประจำเดือน
  • การเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน มักเริ่มเมื่ออายุประมาณ 50 ปี แต่ผู้หญิงบางคนอาจเริ่มมีการตกไข่ที่คลาดเคลื่อนจากเดิม เนื่องจากร่างกายกำลังปรับตัวเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ประจำเดือนขาดหรือประจำเดือนมาไม่ปกติ ก่อนที่จะหมดประจำเดือนจริง ๆ
  • การคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยาคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิดหรือการฝังยาคุมกำเนิด ก็อาจทำให้ประจำเดือนขาดได้ แม้จะหยุดยาคุมกำเนิดแล้วก็ตาม 
  • การออกกำลังกายหนักเกินไป อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือประจำเดือนขาดได้ 
  • น้ำหนักมากหรือน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน น้ำหนักมากเกินเกณฑ์หรือโรคอ้วนอาจส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป จนฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลและส่งผลต่อกระบวนการตกไข่ ส่วนน้ำหนักน้อยเกินเกณฑ์อาจทำให้ร่างกายมีสารอาหารไม่พอไปกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้ไข่ตก
  • การตกไข่ผิดปกติ เมื่อไม่มีไข่ตกออกมาจากรังไข่ จึงไม่มีการสร้างคอร์ปัสลูเตียม (Corpus luteum) ซึ่งมีหน้าที่สร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือน เพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งถ้ารอบเดือนนั้นไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น สุดท้ายเยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดลอกกลายเป็นประจำเดือน
  • ภาวะต่อมไทรอยด์ผิดปกติ เนื่องจากต่อมไทรอยด์มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการมีประจำเดือน หากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป หรือที่เรียกว่าไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroidism) และต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนน้อยเกินไป หรือที่เรียกว่าไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) อาจส่งผลทำให้ประจำเดือนขาดได้
  • ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) เป็นความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ หรือฮอร์โมนในร่างกาย ที่ทำให้เกิดถุงน้ำหรือซีสต์ในรังไข่ขนาดเล็ก ๆ ในรังไข่ ส่งผลให้การตกไข่มีประสิทธิภาพลดลง และส่งผลทำให้ประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาน้อยหรือมากเกินไป 

การวินิจฉัยประจำเดือนขาด  

คุณหมออาจวินิจฉัยภาวะประจำเดือนขาดด้วยวิธีดังต่อไปนี้ 

  • ตรวจการตั้งครรภ์ เนื่องจากการตั้งครรภ์ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่มักส่งผลทำให้ประจำเดือนขาด 
  • ตรวจเลือด เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ฮอร์โมนโพรแลกติน (Prolactin) ฮอร์โมนลูทิไนซิง (Luteinizing hormone หรือ LH) ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมน หรือฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญของไข่ (Follicle-stimulating hormone หรือ FSH) ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือน หากระดับฮอร์โมนผิดปกติ อาจส่งผลให้ประจำเดือนขาดได้
  • ตรวจอุ้งเชิงกราน หมออาจทำการตรวจอวัยวะเพศหญิงทั้งภายในและภายนอก เช่น ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ไข่ เพื่อหาสัญญาณความผิดปกติของโรคที่ส่งผลให้ประจำเดือนขาด 
  • อัลตราซาวด์ คุณหมอจะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงประมวลภาพสแกนอวัยวะภายในร่างกายบริเวณรังไข่ มดลูก ระบบสืบพันธุ์ เพื่อหาปัญหาด้านสุขภาพที่อาจส่งผลทำให้ประจำเดือนขาด 
  • ซีทีสแกน (CT Scan) หรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก เพื่อตรวจหาเนื้องอก หรือก้อนเนื้อที่ผิดปกติ 

การรักษาประจำเดือนขาด

วิธีรักษาภาวะประจำเดือนขาดขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนขาด เช่น 

  • การออกกำลังกายมากเกินไป ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การออกกำลังกายใหม่ แบ่งเวลาในการออกกำลังกายให้เหมาะสม เช่น ออกกำลังกายอย่างน้อย 30-45 นาที/วัน ด้วยการ วิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ไม่ออกกำลังกายหักโหมเกินไป
  • ภาวะหมดประจำเดือนก่อนกำหนด เนื่องจากรังไข่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทน 
  • ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ อาจรักษาด้วยการกินยาคุมกำเนิดแบบเม็ด หรือยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน 
  • ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป หรือไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroidism) อาจรักษาด้วยการให้ยาต้านไทรอยด์ที่อาจช่วยลดการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ 

ควรไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ 

หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอ 

  • อายุ 15 ปีแล้วแต่ประจำเดือนยังไม่มา 
  • ประจำเดือนขาดติดต่อกัน 3 เดือน ทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร 
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ 

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Menstrual Cycle. https://www.womenshealth.gov/menstrual-cycle. Accessed March 25, 2022

Amenorrhea. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/amenorrhea/symptoms-causes/syc-20369299. Accessed March 25, 2022

Absent menstrual periods – secondary. https://medlineplus.gov/ency/article/001219.htm. Accessed March 25, 2022

Stopped or missed periods. https://www.nhs.uk/conditions/stopped-or-missed-periods/. Accessed March 25, 2022

What is amenorrhea?. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/amenorrhea. Accessed March 25, 2022

Why Is My Period So Random?. https://www.webmd.com/women/why-is-my-period-so-random. Accessed March 25, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

10/11/2022

เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

อัปเดตโดย: สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


บทความที่เกี่ยวข้อง

เมนส์ไม่มา เกิดจากอะไร ควรทำอย่างไร

มีประจำเดือนแต่ท้อง อาการของเลือดล้างหน้าเด็ก


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 10/11/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา