backup og meta

โรคปีกมดลูกอักเสบ อาการ สาเหตุและการป้องกัน

โรคปีกมดลูกอักเสบ อาการ สาเหตุและการป้องกัน

โรคปีกมดลูกอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องน้อยแม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงมีประจำเดือน หรือปวดประจำเดือนหนักและนานกว่าปกติ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีอาจทำให้ท่อนำไข่เป็นแผลและแคบลง จนไข่เคลื่อนที่ไปยังมดลูกได้ยากขึ้น อาจนำไปสู่ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก

[embed-health-tool-ovulation]

โรคปีกมดลูกอักเสบ คืออะไร

โรคปีกมดลูกอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease หรือ PID) เป็นการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria Gonorrhoeae) ที่ทำให้เกิดโรคหนองในแท้ และเชื้อคลามัยเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องคลอด ไปยังมดลูก ท่อนำไข่ หรือรังไข่ ผู้ที่เป็นโรคปีกมดลูกอักเสบมักไม่มีอาการใด ๆ ในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปอาการของโรคอาจรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาตามมาเรื่องมีบุตรยาก หรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง

อาการของโรคปีกมดลูกอักเสบ

อาการของโรคปีกมดลูกอักเสบที่อาจพบได้บ่อย มีดังนี้

  • รู้สึกปวดท้องน้อย
  • มีไข้ บางครั้งอาจมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
  • มีสารคัดหลั่งหรือตกขาวมีกลิ่นรวมทั้งเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือเหลือง
  • รู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์
  • รู้สึกแสบเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือปัสสาวะยาก
  • ประจำเดือนมามากผิดปกติ
  • ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ

เพศหญิงบางรายที่เป็นโรคปีกมดลูกอักเสบอาจไม่มีอาการดังกล่าวข้างต้น หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าโรคปีกมดลูกอักเสบกำลังเข้าสู่ภาวะรุนแรง

  • ปวดท้องน้อยรุนแรง
  • คลื่นไส้และอาเจียน เบื่ออาหาร
  • มีไข้สูงกว่า 38.3 องศาเซลเซียส
  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็นรุนแรง

โรคปีกมดลูกอักเสบไม่มีการวินิจฉัยโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่คุณหมออาจตรวจวินิจฉัยโรคโดยดูประวัติทางการแพทย์ ร่วมกับการตรวจร่างกาย และการทดสอบบางประการ ดังนั้น ไม่ควรปกปิดประวัติสุขภาพ โดยเฉพาะประวัติในการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง

สาเหตุและความเสี่ยงของโรคปีกมดลูกอักเสบ

เชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถก่อให้เกิดโรคปีกมดลูกอักเสบได้ แต่สาเหตุที่อาจพบได้บ่อย คือ เชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรียที่ทำให้เกิดโรคหนองในแท้ และเชื้อคลามัยเดีย ทราโคมาติสที่ทำให้เกิดโรคหนองในเทียม ส่วนใหญ่มักได้รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน

แต่ในบางกรณี หากภูมิคุ้มกันบริเวณปากมดลูกอ่อนแอ ถูกทำลายหรือเสียหาย แบคทีเรียอาจเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ผ่านช่องคลอดได้ และทำให้เกิดโรคปีกมดลูกอักเสบได้ ซึ่งในกรณีนี้มักเกิดขึ้นหลังจากคลอดบุตร แท้งบุตร หรือทำแท้ง แต่พบได้ไม่บ่อยนัก

สำหรับความเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคปีกมดลูกอักเสบ อาจมีดังนี้

  • เป็นผู้หญิงอายุน้อยกว่า 25 ปี และเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์
  • มีคู่นอนหลายคน
  • มีเพศสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมทางเพศกับผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัย หรือแผ่นยางอนามัย
  • เคยเป็นโรคปีกมดลูกอักเสบ หรือเคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เกิดจากปีกมดลูกอักเสบ

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่รักษาโรคปีกมดลูกอักเสบจนหายดีแล้วอาจตั้งครรภ์ได้โดยไม่เกิดปัญหาใด ๆ แต่โรคปีกมดลูกอักเสบอาจทำให้มีอาการปวดท้องน้อยนานหลายเดือนถึงหลายปี และอาจทำให้ท่อนำไข่เป็นแผลและแคบลง จนไข่จากรังไข่เคลื่อนที่ไปยังมดลูกได้ยากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic Pregnancy) คือ ตัวอ่อนฝังตัวในท่อนำไข่แทนที่จะฝังในมดลูก

1 ใน 10 ของผู้ที่เคยเป็นโรคปีกมดลูกอักเสบ พบว่า มีภาวะมีบุตรยาก โดยความเสี่ยงเหล่านี้จะยิ่งสูงขึ้น หากเป็นโรคปีกมดลูกอักเสบแล้วไม่เข้ารับการรักษา เข้ารับการรักษาช้า หรือเคยเป็นโรคปีกมดลูกอักเสบซ้ำ

การป้องกันโรคปีกมดลูกอักเสบ

วิธีเหล่านี้อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคปีกมดลูกอักเสบ

  • ป้องกันทุกครั้งที่ต้องมีเพศสัมพันธ์ ด้วยการสวมถุงยางอนามัย มีคู่นอนแค่คนเดียว ตรวจสอบประวัติกิจกรรมทางเพศของคู่นอนก่อนมีเพศสัมพันธ์
  • ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ เพราะหากรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เร็ว ความเสี่ยงในการเกิดโรคปีกมดลูกอักเสบอาจลดลง
  • ให้คู่นอนไปตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากพบว่าตัวเองเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือโรคปีกมดลูกอักเสบ ควรให้คู่นอนไปตรวจโรคด้วย เพราะหากพบโรคจะได้รักษาทันท่วงที ทั้งยังช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นด้วย

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Pelvic inflammatory disease (PID). https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pelvic-inflammatory-disease/symptoms-causes/syc-20352594. Accessed July 25, 2022.

Pelvic Inflammatory Disease (PID) – CDC Basic Fact Sheet. https://www.cdc.gov/std/pid/stdfact-pid.htm. Accessed July 25, 2022.

OverviewPelvic inflammatory disease. https://www.nhs.uk/conditions/pelvic-inflammatory-disease-pid/. Accessed July 25, 2022.

Pelvic Inflammatory Disease (PID). https://www.plannedparenthood.org/learn/health-and-wellness/pelvic-inflammatory-disease-pid. Accessed July 25, 2022.

What Is Pelvic Inflammatory Disease?. https://www.webmd.com/women/guide/what-is-pelvic-inflammatory-disease. Accessed July 25, 2022.

เวอร์ชันปัจจุบัน

13/06/2023

เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ตรวจมะเร็งปากมดลูก ควรตรวจเมื่อไร ใครคือกลุ่มเสี่ยง

ผ่าตัดมดลูก การเตรียมตัวและวิธีดูแลตัวเอง


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 13/06/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา