Male Infertility คือ ภาวะที่ไม่สามารถนำไปสู่ในการทำให้ฝ่ายหญิงเกิดการตั้งครรภ์ได้ แม้จะมีเซ็กส์เป็นประจำโดยไม่ได้คุมกำเนิด ซึ่งภาวะมีบุตรยากอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ โรคประจำตัว พันธุกรรม ปัญหาเกี่ยวกับอสุจิ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น หากสงสัยว่าอาจมีภาวะมีบุตรยาก และต้องการมีบุตร ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหา และวิธีช่วยในการมีลูกที่เหมาะสมที่สุด
Male Infertility คือ อะไร
Male Infertility คือ ภาวะที่ไม่สามารถนำไปสู่ในการทำให้ฝ่ายหญิงเกิดการตั้งครรภ์ได้ แม้จะมีเซ็กส์เป็นประจำโดยไม่ได้คุมกำเนิดอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งภาวะมีบุตรยากอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุ โรคประจำตัว พันธุกรรม ซึ่งอาการที่เห็นได้ชัดที่สุดของภาวะนี้อาจสังเกตได้จากการที่ฝ่ายหญิงไม่ตั้งครรภ์เสียที
อาการของ Male Infertility
โดยส่วนใหญ่กว่าผู้ชายจะรู้ตัวว่าตนเองมีภาวะมีบุตรยาก ก็เมื่อพยายามมีลูกมาหลายปี แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ แม้อาการของภาวะมีบุตรยากอาจสังเกตเห็นได้ยาก แต่อาการที่อาจพบได้ทั่วไป มีดังนี้
- ผมร่วง ผมบาง หนวดบาง หรือมีสัญญาณของฮอร์โมนหรือโครโมโซมผิดปกติ
- หน้าอกโตผิดปกติ หรือภาวะผู้ชายมีนม (Gynecomastia)
- ปวดลูกอัณฑะ ลูกอัณฑะบวม หรือมีก้อนอยู่ด้านในลูกอัณฑะบวม ในทางกลับกันอาจมีอาการลูกอัณฑะหดตัวเล็กลงก็ได้เช่นกัน
- ความต้องการทางเพศลดลด และมีปัญหาเกี่ยวการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งน้ำอสุจิ
- จำนวนอสุจิน้อยกว่าปกติ คือ น้อยกว่า 15 ล้านตัว/มิลลิลิตร หรือมีอสุจิน้อยกว่า 39 ล้านตัวต่อการหลั่ง 1 ครั้ง
สาเหตุของ Male Infertility
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก อาจมีดังนี้
-
ปัญหาเกี่ยวกับอสุจิ
ปัญหาเกี่ยวกับอสุจิอาจเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย โดยอาจเกิดจากการกระบวนการผลิตอสุจิ หรือการเจริญเติบโตของอสุจิที่เป็นมาแต่กำเนิด เช่น อสุจิเจริญเติบโตไม่เต็มที่ อสุจิมีรูปร่างผิดปกติ ภาวะจำนวนตัวอสุจิน้อย (Oligospermia) ภาวะไม่มีการสร้างตัวอสุจิ (Azoospermia) รวมถึงอาจเป็นผลกระทบจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาบางชนิด
นอกจากนี้ อาการเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น ไตวาย การติดเชื้อในวัยเด็ก ปัญหาเกี่ยวกับโครโมโซม ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ ก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของอสุจิได้
-
ภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอด
ภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele) เป็นภาวะที่อาจพบได้บ่อยในผู้ชายที่มีปัญหามีบุตรยาก ภาวะนี้จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก จึงอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของอสุจิ หรืออาจทำให้เลือดไหลเวียนจากช่องท้องกลับเข้าไปที่ถุงอัณฑะ จนลูกอัณฑะอุ่นเกินไปจึงไม่สามารถผลิตอสุจิได้ ส่งผลให้มีจำนวนอสุจิน้อย และเกิดเป็นภาวะมีบุตรยาก
-
ภาวะหลั่งน้ำอสุจิย้อนทาง
ภาวะหลั่งน้ำอสุจิย้อนทาง (Retrograde Ejaculation) คือ ภาวะที่น้ำอสุจิไหลย้อนกลับเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ไม่หลั่งออกมาข้างนอกอวัยวะเพศ ภาวะนี้อาจเป็นผลจากการผ่าตัด การใช้ยาบางชนิด หรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ซึ่งอาจสังเกตได้จากน้ำปัสสาวะหลังถึงจุดสุดยอดมีสีขุ่น เนื่องจากมีน้ำอสุจิเข้าไปปนนั่นเอง
-
ร่างกายมีการสร้างภูมิต้านทานต่อตัวอสุจิ
ส่วนใหญ่อาจมีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บ การผ่าตัด หรือการติดเชื้อ แม้ในปัจจุบันจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าภาวะนี้ทำให้ตัวอสุจิน้อยลงได้อย่างไร แต่ภาวะนี้อาจทำให้ตัวอสุจิเดินทางเข้าไปในท่อนำไข่เพื่อผสมกับไข่ได้ยากขึ้น
-
สิ่งกีดขวาง
ผู้ชายมีลูกยากอาจเป็นเพราะการสร้างอสุจิและการเดินทางของอสุจิผิดปกติ โดยปัจจัยบางอย่าง เช่น การติดเชื้อซ้ำ การผ่าตัด การทำหมัน
-
ฮอร์โมน
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองหลายชนิดเกี่ยวข้องกับการสร้างอสุจิ หากฮอร์โมนต่ำก็อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของอสุจิได้
-
โครโมโซม
ในน้ำอสุจิมีดีเอ็นเอที่จะไปผสมกับไข่ หากจำนวนและโครงสร้างของโครโมโซมเปลี่ยนแปลง ก็อจส่งผลกระทบต่อภาวะการเจริญพันธ์ุได้
-
การใช้ยาบางชนิด
ยาบางชนิดอาจส่งผลให้การผลิต การทำงาน และการเดินทางของอสุจิเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งยาที่ส่งผลต่ออสุจิ มักเป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาสภาวะดังต่อไปนี้
- โรคข้ออักเสบ
- โรคซึมเศร้า
- ปัญหาในระบบย่อยอาหาร
- การติดเชื้อ
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคมะเร็ง
นอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุอื่น ๆ อีกอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้ ดังนั้น เมื่อรู้สึกว่าคนรักไม่เกิดการตั้งครรภ์เสียที อาจต้องเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดทั้งตนเอง และคู่รัก พร้อมรับวิธีแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและเหมาะสม
การวินิจฉัย Male Infertility
หากผู้ชายที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี และพยายามมีลูกมาแล้ว 1 ปีแต่ไม่สำเร็จ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอ โดยคุณหมออาจวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และสแกนร่างกาย เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์และจำนวนของอสุจิ
นอกจากนี้ คุณหมออาจแนะนำให้ทำการตรวจวิเคราะห์อสุจิด้วยว่ามีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งอาจต้องมีการร่วมมือของแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการรักษาด้านภาวะมีบุตรยาก ตามเกณฑ์สุขภาพที่ได้รับการวินิจฉัย ดังนั้น จึงควรเตรียมข้อมูลของตนเองให้พร้อมสำหรับเข้ารับการวินิจฉัย ดังนี้
- นำยาที่กำลังรับประทานอยู่ติดตัวไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นยารักษาโรคประจำตัว วิตามิน แร่ธาตุ และอาหารเสริม
- จดรายละเอียดว่ามีเพศสัมพันธ์กับคู่รักแบบไม่คุมกำเนิดบ่อยแค่ไหน ใช้เวลาในการพยายามมีลูกมานานเท่าไหร่ รวมถึงระบุวันเวลาครั้งสุดท้ายที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่รักเพื่อพยายามมีลูก
- ตรวจดูร่างกายของตนเองว่าเกิดความเปลี่ยนแปลง หรือมีอาการอื่นใดที่อาจเกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยากหรือไม่
- หากเคยเข้ารับการผ่าตัดหรือรับการรักษาที่อาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ ควรแจ้งให้คุณหมอทราบ และนำเอกสารที่เกี่ยวข้องติดตัวไปด้วย
- หากเคยเข้ารับการฉายรังสีหรือทำคีโมบำบัด ควรแจ้งให้คุณหมอทราบ
- หากเคยมีประวัติติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือมีสมาชิกในครอบครัวป่วยเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเป็นโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคของต่อมไทรอยด์ ควรแจ้งให้คุณหมอทราบ
- แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีงิตประจำวัน เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ยาเสพติด
เมื่อคุณหมอได้คำตอบอย่างละเอียด จะทำให้สามารถดำเนินการหาวิธีรักษาได้อย่างเหมาะสม และอาจทำให้กลับเข้าสู่การมีบุตรได้อีกครั้ง