แผลเป็น เกิดจากกระบวนการฟื้นฟูตัวเองของผิวหนังหลังเป็นแผลหรือได้รับบาดเจ็บ ทำให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอย แบน นูน หรือยุบเป็นหลุม ทั้งนี้ วิธีดูแลแผลเป็นให้มีขนาดเล็กลงหรือมีสีที่ใกล้เคียงกับผิวหนังโดยรอบ ควรทา ยาทาแผลเป็น อย่างเจลซิลิโคน คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) หรือ ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
[embed-health-tool-bmi]
แผลเป็นเกิดจากอะไร
แผลเป็นเกิดจากกระบวนการฟื้นฟูตัวเองของผิวหนังหลังเป็นแผลหรือได้รับบาดเจ็บ เมื่อผิวหนังเป็นแผลหรือบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างโปรตีนคอลลาเจน (Collagen) แล้วส่งไปยังบริเวณเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บเพื่อสมานบาดแผล ทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่มีลักษณะแตกต่างจากผิวหนังบริเวณรอบ ๆ โดยแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- คีลอยด์ (Keloid) มีลักษณะนูน มันเงา ไม่มีขน ขยายใหญ่เกินขอบแผลเดิม และอาจมีสีเข้มกว่าผิวหนังโดยรอบ เกิดจากการที่ร่างกายผลิตคอลลาเจนมากเกินไปเพื่อสมานบาดแผล จนส่งผลให้เซลล์และเนื้อเยื่อผิวหนังเจริญเติบโตผิดปกติ
- แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) มีลักษณะนูนคล้ายคีลอยด์ แต่ไม่ใหญ่เกินขอบแผลเดิม และมักปรากฏขึ้นหลังผิวหนังได้รับบาดเจ็บหรือเป็นสิวไปแล้ว 1-2 เดือน
- หลุมสิว (Atrophic Acne Scar) เป็นรอยบุ๋มหรือการยุบตัวของผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน ทั้งนี้ หลุมสิวมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อได้ไม่เพียงพอต่อความเสียหายของผิวหนัง
- แผลเป็นหดรั้ง (Scar Contracture) มักมีสาเหตุมาจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก ทำให้ผิวหนังเกิดการตึงและดึงรั้งจนผิดรูป ในบางรายอาจทำให้อวัยวะผิดรูปและเคลื่อนไหวลำบาก
- แผลเป็นแบน (Flat Scar) ผิวหนังบริเวณที่เกิดบาดแผลจะมีลักษณะนูนขึ้นก่อนจะค่อย ๆ แบนลงหลังจากผิวหนังฟื้นฟูตัวเองเสร็จสมบูรณ์ โดยในช่วงแรกแผลเป็นจะมีสีชมพูหรือแดง แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนังรอบ ๆ
ยาทาแผลเป็น มียาอะไรบ้าง
โดยปกติ แผลเป็น มักยากต่อการรักษา แต่คุณหมอหรือเภสัชกรอาจจ่ายซิลิโคนในรูปแบบครีมหรือเจลให้ โดยซิลิโคนมีฤทธิ์ทำให้แผลเป็นมีขนาดเล็กลงและมีสีอ่อนลง เนื่องจากคุณสมบัติต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- เพิ่มความความชุ่มชื้นให้เซลล์ชั้นนอกสุดของผิวหนัง ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนส่วนเกินน้อยลง ซึ่งมีผลให้แผลเป็นนุ่มขึ้นและแบนลงกว่าเดิม
- ปรับการทำงานของโปรตีนโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) บางชนิด ซึ่งสัมพันธ์กับการสร้างคอลลาเจนและการย่อยสลายคอลลาเจนส่วนเกินบริเวณแผลเป็น จึงไม่เกิดรอยนูนเด่นชัด
- ป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังผ่านเนื้อเยื่อแผลเป็น ช่วยระงับการผลิตคอลลาเจนมากเกินไป
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เรื่องประสิทธิภาพของเจลซิลิโคนต่อคีลอยด์และแผลเป็นนูน ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Cutaneous and Aesthetic Surgery ปี พ.ศ. 2552 นักวิจัยได้ทดสอบประสิทธิภาพของเจลซิลิโคนในผู้ที่มีแผลเป็นจำนวน 30 ราย พบว่ารอยแผลเป็นรูปแบบต่าง ๆ ดีขึ้น ผลข้างเคียงต่ำ ผู้ที่มีแผลเป็นรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์จากการใช้เจลซิลิโคน จึงสรุปว่า เจลซิลิโคนนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับใช้เป็น ยาทาแผลเป็น แต่ใช้ระยะเวลานาน 4-6 เดือน
สำหรับ ยาทาแผลเป็น ชนิดอื่น ๆ ที่คุณหมอหรือเภสัชกรอาจจ่ายให้ ได้แก่
- คอร์ติโคสเตียรอยด์ ในรูปแบบครีม มีฤทธิ์ทำให้แผลเป็นมีขนาดเล็กลง ด้วยการลดเส้นใยคอลลาเจนของเนื้อเยื่อแผลเป็นใต้ผิวหนัง และยังมีคุณสมบัติลดอาการบวม แดง หรือการอักเสบของแผลเป็น และลดอาการคัน ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรง คุณหมออาจเลือกฉีดยานี้เข้าสู่แผลเป็นเพื่อรักษาอาการ
- ไฮโดรควิโนน เป็นตัวยาที่มีฤทธิ์ลดการผลิตเม็ดสีผิว เมื่อทาบริเวณแผลเป็นจึงอาจช่วยให้สีของแผลเป็นจางลง หรือมีโทนสีที่ใกล้เคียงกับผิวหนังโดยรอบ อย่างไรก็ตาม อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ทำให้ผิวหนังมีแห้ง เป็นสีแดง แสบเล็กน้อย และเกิดอาการแพ้ได้
การรักษา แผลเป็น ด้วยวิธีอื่น
นอกจาก ยาทายาแผลเป็น ในรายที่อาการรุนแรง หรือแผลเป็นทำให้เกิดความไม่มั่นใจ รู้สึกเป็นกังวล คุณหมออาจแนะนำการรักษาแผลเป็นด้วยวิธีการต่อไปนี้
- การลอกผิวด้วยกรด หรือทากรดผลไม้หรือกรดวิตามินเอลงบนผิวหน้าหรือผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้ผิวลอกและมีผิวหนังที่แข็งแรงขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังส่วนที่เป็นแผลเป็นดูเรียบเนียนกว่าเดิม
- ปลูกถ่ายผิวหนัง เป็นการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนที่สุขภาพดี เรียบเนียนไปเชื่อมต่อติดกับผิวหนังส่วนที่เป็นแผลเป็น มักใช้สำหรับรักษาแผลเป็นหดรั้งหรือคีลอยด์ระดับรุนแรง
- การฉายแสงเลเซอร์ กระตุ้นผิวหนังชั้นหนังแท้ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เพื่อซ่อมแซมใบหน้าหรือแผลเป็นส่วนที่เป็นหลุมสิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น
- การผ่าตัด เป็นการผ่าตัดนำผิวหนังบริเวณที่เป็นแผลเป็นออกจากใบหน้าหรือร่างกาย แล้วเย็บผิวหนังให้ติดกัน