ส่วนประกอบที่ควรมีใน ยาแต้มสิว เพื่อช่วยบรรเทาการอักเสบและลดสิว อาจมีดังนี้
เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide)
เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) มีทั้งแบบครีมและแบบเจล ความเข้มข้น 2.5–10% มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียและความมันบนใบหน้า ลดสิวหัวดำและสิวหัวขาว เป็นยาที่ใช้รักษาสิวระดับเบาไปจนถึงรุนแรง โดยปกติให้ใช้ 1-2 ครั้ง/วัน โดยอาจใช้ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
ข้อแนะนำในการใช้: ใช้แต้มบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ 20-30 นาทีก่อนล้างออก และควรใช้เท่าที่จำเป็น เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ควรเริ่มใช้ที่ความเข้มข้นต่ำ ๆ ก่อน หรืออาจใช้วันเว้นวันแล้วปรับมาเป็นทุกวัน ไม่ควรทาเกิน 2 ครั้ง/วัน ยาแต้มสิวชนิดนี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด และทาครีมกันแดดที่มีเอสพีเอฟ 30 ขึ้นไปเพื่อป้องกันรังสี UVA ที่อาจทำให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และทำให้ผิวหมองคล้ำ และรังสี UVB ที่อาจทำให้ผิวชั้นนอกไหม้แดด
เรตินอยด์ชนิดใช้เฉพาะที่ (Topical retinoids)
ยาในกลุ่มเรตินอยด์ เช่น อะดาพาลีน (Adapalene) แบบเจล ความเข้มข้น 0.1-0.3% เตรทติโนอิน (Tretinoin) แบบครีม ความเข้มข้น 0.05 และ 0.025% ทาซาโรทีน (Tazarotene) เป็นยากลุ่มวิตามินเอรูปแบบสังเคราะห์ที่นิยมใช้รักษาสิว ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและอาจอุดตันรูขุมขน ยานี้นิยมใช้สำหรับสิวอักเสบระดับเบาถึงปานกลาง มักใช้เพียงวันละครั้งในช่วงก่อนนอน โดยอาจใช้ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ และเว้นระยะของความถี่การใช้ยาเมื่อเวลาผ่านไปและสิวลดลงแล้ว
ข้อแนะนำในการใช้: หลังล้างหน้าเสร็จแล้วประมาณ 20 นาที ให้ใช้ยาแต้มบริเวณที่เป็นสิว และใช้เท่าที่จำเป็น เนื่องจากคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวอาจทำให้รู้สึกระคายเคือง และผิวอาจไวต่อแสงแดดและรังสี UV จึงควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ ทั้งนี้ ยาแต้วสิวเรตินอยด์ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของทารกในครรภ์
กรดอะซีลาอิก (Azelaic acid)
กรดอะซีลาอิก มีทั้งแบบครีมและแบบเจล โดยแบบครีมมีความเข้มข้น 20% และแบบเจลมีความเข้มข้น 15% เป็นยาแต้มสิวที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวจึงลดการอุดตันของรูขุมขนได้ ทั้งยังใช้เพื่อลดรอยดำได้ด้วย ยานี้นิยมใช้รักษาสิวอักเสบระดับเบาถึงปานกลาง และมักใช้ในกรณีที่ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์และยาในกลุ่มเรตินอยด์ทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคือง แสบผิว ควรใช้ 1-2 ครั้ง/วัน โดยอาจใช้ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผล
ข้อแนะนำในการใช้: หลังล้างหน้าเสร็จแล้วประมาณ 20 นาที ให้ใช้ยาแต้มบริเวณที่เป็นสิว ยาชนิดนี้ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ระคายเคือง แสบร้อน คัน
ยาปฏิชีวนะชนิดใช้เฉพาะที่ (Topical antibiotics)
ยาปฏิชีวนะ เช่น อีริโธรมัยซิน (Erythromycin) แบบน้ำและเจลมีความเข้มข้น 2% และ 4% คลินดาไมซิน (Clindamycin) แบบน้ำและแบบเจลมีความเข้มข้น 1% ช่วยในการต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว ใช้ในปริมาณ 2 ครั้ง/วัน โดยอาจใช้ต่อเนื่องกัน 6-8 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผล ยานี้นิยมที่ใช้รักษาสิวอักเสบระดับปานกลาง แต่ต้องเป็นสิวที่มีสาเหตุมาจากแบคทีเรียเท่านั้น และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป เนื่องจากอาจทำให้แบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ ทั้งนี้ การใช้ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดใช้เฉพาะที่อาจลดโอกาสการดื้อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย