หากต้องการให้ สิวหาย มีหลายวิธี ทั้งการเข้ารับการตรวจรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง การซื้อครีมหรือยาทาสิว การรักษาด้วยนวัตกรรมจากคลินิกต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้สิวหายคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างของตนเองซึ่งอาจเป็นสาเหตุแห่งการเกิดสิว
[embed-health-tool-bmi]
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อให้ สิวหาย
สาเหตุของการเกิดสิวนอกจากฮอร์โมน แสงแดด รูขุมขนอุดตัน แล้วนั้น ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกหลายประการ หากต้องการให้สิวหาย นอกเหนือจากการเข้ารับการรักษาแล้ว ควรดูแลตนเอง รวมทั้งหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นอาจสาเหตุของการเกิดสิว ดังนี้
ล้างหน้าบ่อยเกินไป
การล้างหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่นละออง มลภาวะ น้ำมันส่วนเกิน ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แต่บางคนที่เป็นสิวหนักหรือหน้ามัน มักจะชอบล้างหน้าวันละหลาย ๆ ครั้ง เพราะเชื่อว่ายิ่งล้างหน้ายิ่งสะอาดและมันน้อยลง แต่ในความเป็นจริง การล้างหน้าบ่อยเกินไปกลับทำให้ผิวระคายเคือง ทำให้หน้าแห้งจนรูขุมขุนผลิตน้ำมันมาหล่อเลี้ยงผิวมากขึ้น เพิ่มโอกาสให้สิวเห่อหนักกว่าเดิม
ดังนั้น จึงไม่ควรล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้ง หากเป็นคนผิวแห้งอาจล้างหน้าแค่เพียงวันละครั้ง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน และไม่อุดตันรูขุมขน พร้อมกับล้างหน้าอย่างเบามือ เพื่อป้องกันอาการระคายเคือง
เปลี่ยนผลิตภัณฑ์รักษาสิวทุกสัปดาห์
โดยปกติ หากใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวแล้วไม่เห็นผลทันที หรือไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน 1 สัปดาห์ มักหยุดใช้ และเปลี่ยนไปลองผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ทั้งที่ความจริง การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ นอกจากสิวจะไม่หายแล้ว อาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง โดยปกติ ผลิตภัณฑ์รักษาสิวส่วนใหญ่อาจต้องใช้เวลา 6-8 สัปดาห์กว่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง หากพบว่า สิวที่เป็นไม่ดีขึ้นหรือแย่กว่าเดิม จึงค่อยเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวตัวใหม่
สครับผิวแรงและบ่อยเกินจำเป็น
พฤติกรรมชอบใช้ผ้าขนหนู ใยบวบ ผลิตภัณฑ์ขัดหรือผลัดเซลล์ผิวในการสครับหน้า เพราะคิดว่าจะยิ่งทำให้หน้าสะอาด สิวจะได้หายเร็วขึ้น อาจต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เพราะหากสครับผิวบ่อยหรือรุนแรงเกินไป ก็อาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองและเกิดสิวได้เช่นกัน ในช่วงที่กำลังเป็นสิว และอยากให้สิวหาย ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ขัดใบหน้า อาจใช้เพียงปลายนิ้วกดนวดวนทั่วไปหน้าเบา ๆ ระหว่างล้างหน้า
นอนหลับทั้งเครื่องสำอาง
ความขี้เกียจอาจทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณได้ โดยเฉพาะการไม่เช็ดล้างเครื่องสำอางและนอนหลับไปทั้งที่ยังแต่งหน้าอยู่ เพราะเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกเกิดการหมักหมมและอุดตันรูขุมขน ทำให้สิวหายช้าและอาจทำให้เกิดสิวใหม่ได้โดยเฉพาะสิวอุดตัน
ทุกครั้งก่อนล้างหน้า ควรเช็ดล้างเครื่องสำอางให้หมดจด และตามด้วยการล้างทำความสะอาดผิวหน้า และเช็ดด้วยโทนเนอร์อีกครั้ง โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว หรือหากไม่ต้องการทำความสะอาดหลายขั้นตอน อาจเลือกใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอาง หรือทิชชู่เช็ดเมกอัพเช็ดทำความสะอาดแทน
เหงื่อออกแล้วไม่ล้างหน้า
แม้ปกติแล้ว ไม่ควรล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้ง แต่หากออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งจนเหงื่อท่วมหน้า หลังจบกิจกรรมเหล่านั้น ควรรีบทำความสะอาดผิวหน้าหรืออาบน้ำทันที เพื่อขจัดเหงื่อและฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มาเกาะบนใบหน้า ไม่ควรปล่อยไว้จนเหงื่อแห้งไปเอง เพราะแทนที่สิวหาย จะยิ่งก่อให้เกิดสิวมากขึ้น
บีบ แคะ แกะ เกาสิว
เวลาเป็นสิว อาจเกิดพฤติกรรมแกะหรือบีบสิว ซึ่งนอกจากจะทำให้สิวไม่หายแล้ว อาจเกิดการอักเสบได้ เพราะการบีบสิวทำให้สิ่งสกปรก เช่น หนอง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว แบคทีเรีย ยิ่งฝังลึก ทั้งยังทำให้ผิวระคายเคือง บวม แดง ช้ำ มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ หลังสิวหายอาจเกิดรอยดำหรือหลุมสิวได้ด้วย หากมีสิว จึงไม่ควรบีบ แคะ แกะ เกา แต่ควรทายาหรือครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยรักษาสิว เช่น เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ แทน
ไม่ชอบสระผม
หากไม่ชอบสระผม โดยเฉพาะคนที่มีผมมัน ความมันและสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่บนเส้นผม อาจไปสัมผัสโดนผิวหน้าจนทำให้เกิดสิว หรือทำให้สิวที่เป็นอยู่รุนแรงกว่าเดิมได้ จึงควรสระผมเป็นประจำ หากผมมันมากหรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมควรสระผมทุกวันด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันบนเส้นผมและหนังศีรษะ
ใช้เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผมที่ก่อให้เกิดสิว
หากเป็นสิว หรือมีผิวมันซึ่งมีแนวโน้มเกิดสิวง่าย ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือผมประเภทน้ำมัน หรือที่มีส่วนผสมซึ่งอาจก่อให้เกิดสิว เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ ซิลิโคน พยายามเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนเป็นสิวหรือผิวแพ้ง่าย เช่น ผลิตภัณฑ์สูตรปราศจากน้ำมัน (Oil-free) ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “ไม่อุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic)” หรือ “ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-Acnegenic)”
ใช้เครื่องสำอางและอุปกรณ์แต่งหน้าร่วมกับคนอื่น
หากเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดสิว หรือไม่อุดตันรูขุมขนแล้ว ยังเป็นสิว หรือสิวเห่อกว่าเก่า อาจเป็นเพราะใช้เครื่องสำอางหรืออุปกรณ์แต่งหน้าร่วมกับผู้อื่น เช่น แปรง พัฟ ทำให้มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกติดมากับผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์เหล่านั้น เมื่อนำมาใช้ทำให้รูขุมขนอุดตัน ติดเชื้อ และเป็นสิวได้ ดังนั้น หากต้องการให้สิวหาย หรือไม่เป็นสิว ต้องหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรืออุปกรณ์แต่งหน้าร่วมกับผู้อื่น และควรล้างแปรง ฟองน้ำ หรือพัฟแต่งหน้าทุกสัปดาห์เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกสะสม