สิว ยีสต์ เป็นตุ่มบวมคล้ายสิว มีหนองอยู่ข้างใน เกิดจากรูขุมขนอักเสบ เนื่องจากการอับชื้นบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะหลังจากออกกำลังกายหรือเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศร้อนชื้น ทั้งนี้ สิว ยีสต์อาจบรรเทาให้ดีขึ้นได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ร่วมกับการดูแลตัวเองด้วยการอาบน้ำทำความสะอาดผิวหน้าและร่างกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยระบายความอับชื้นได้
[embed-health-tool-ovulation]
สิวยีสต์ คืออะไร
สิวยีสต์เป็นตุ่มบวมบนผิวหนัง มีหนองอยู่ข้างใน และอาจมีอาการคันร่วมด้วย มักพบบริเวณหน้าผาก แขน หน้าอก และแผ่นหลัง และบ่อยครั้งเกิดขึ้นเป็นกลุ่มหรือคลัสเตอร์ (Cluster)
ทั้งนี้ สิวยีสต์ไม่จัดเป็นสิว เนื่องจากไม่ได้เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนเช่นเดียวกับสิวโดยทั่วไป แต่เกิดจากอักเสบของรูขุมขนเนื่องจากการเพิ่มจำนวนของเชื้อรากลุ่มมาลาสเซเซีย (Malassezia) บนผิวหนัง จากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ผิวหนังมีความชื้นเพิ่มขึ้นหลังจากการออกกำลังกาย
- การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น หรือระบายความชื้นได้ไม่ดี
- การสวมใส่เสื้อผ้าซ้ำโดยที่ยังไม่ได้ซัก
- การใช้ยาต้านแบคทีเรีย ซึ่งส่งผลให้สมดุลระหว่างแบคทีเรียและเชื้อราบนผิวหนังถูกทำลาย
- การบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตซึ่งเป็นอาหารของเชื้อราบนผิวหนัง ทำให้เชื้อราเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว
- การอาศัยอยู่ในบริเวณที่ร้อนและอับชื้นเป็นเวลานาน
- ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรืออาการป่วยอย่างการติดเชื้อเอชไอวี
สิว ยีสต์ รักษาอย่างไร
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าสิวยีสต์และสิวโดยทั่วไปนั้นเหมือนกันจึงเลือกรักษาสิวยีสต์ด้วยยาต้านสิว ซึ่งทำให้สิวยีสต์ไม่ดีขึ้น
ทั้งนี้ การรักษาสิวยีสต์ที่เหมาะสม ควรปฏิบัติตัว ดังนี้
- รับประทานยาต้านเชื้อรา จัดเป็นวิธีรักษาสิวยีสต์ที่อาจให้ผลลัพธ์ชัดเจนมากกว่าวิธีอื่น ๆ โดยยาที่คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญจ่ายให้มักเป็นไอทราโคนาโซล (Itraconazole) แต่หากไม่ได้ผลคุณหมออาจจ่ายยาไอโซเทรติโนอิน (Isotretinoin) ให้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อราในรูปแบบครีมหรือยาทา เช่น ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) บิวทีนาฟีน (Butenafine) โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ซึ่งใช้รักษาโรคเกี่ยวกับเชื้อราอื่น ๆ อย่างน้ำกัดเท้าหรือสังคัง
ทั้งนี้ เมื่อเป็นสิวยีสต์ไม่ควรบีบหรือเกาบริเวณที่เป็นสิว เพราะอาจทำให้เชื้อราแพร่กระจายหรืออาการแย่ลงได้
สิว ยีสต์ป้องกันอย่างไร
การป้องกันสิวยีสต์ รวมถึงการดูแลตัวเองเพื่อให้สิวยีสต์หายเร็วขึ้น อาจปฏิบัติตัวตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- อาบน้ำและล้างหน้าเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและเช็ดผิวให้แห้ง โดยเฉพาะหลังจากเลิกงานหรือหลังออกกำลังกาย เพื่อกำจัดเชื้อราบนผิวหนังที่อาจกำลังเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วเนื่องจากความชื้น
- เลือกทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะด้วยแชมพูกำจัดรังแค และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีตัวยาซิงค์ ไพริไธโอน (Zinc Pyrithione) หรือซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) เป็นส่วนผสม เนื่องจากซิงค์ ไพริไธโอนมีคุณสมบัติยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อราและแบคทีเรีย ขณะที่ซีลีเนียม ซัลไฟด์มีสรรพคุณป้องกันและชะลอการเจริญเติบโตของเชื้อรา
- เลือกสวมเสื้อผ้าที่เบาสบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป หรือทอจากเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย เพื่อช่วยลดความอับชื้นจากเหงื่อเมื่อเล่นกีฬาหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงที่อากาศร้อน
- รับประทานอาหารให้หลากหลาย เนื่องจากการรับประทานอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อราบนผิวหนังในผู้ป่วยบางราย ดังนั้น เพื่อป้องกันการเพิ่มจำนวนของเชื้อรา จึงควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ทั้งผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ และบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลง