backup og meta

โรคเท้าแบน สาเหตุ อาการ และการรักษา

โรคเท้าแบน สาเหตุ อาการ และการรักษา

โรคเท้าแบน คือ ความผิดปกติของลักษณะเท้าที่ไม่มีส่วนโค้งทำให้เท้าแบนติดกับพื้น ซึ่งอาจมีสาเหตุที่เชื่อมโยงกับภาวะข้อต่อหย่อน (Joint Hypermobility Syndrome) และโรคหนังยืดผิดปกติ (Ehlers-Danlos Syndrome) ที่ทำให้ผิวหนังยืดมากเกินไป สำหรับบางคนที่ไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ อาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการปวดมากในขณะเดินหรือเคลื่อนไหว ควรเข้าพบคุณหมออย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยให้ใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกยิ่งขึ้น

[embed-health-tool-bmi]

คำจำกัดความ

โรคเท้าแบน คืออะไร

โรคเท้าแบน คือ โรคที่เนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่เชื่อมติดกัน หรือมีผิวหนังที่ยืดกว่าปกติ ทำให้ไม่มีส่วนโค้งของเท้า เท้าแบนราบติดกับพื้น เป็นโรคที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก แต่ก็อาจเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ภายหลังได้เช่นกัน นอกจากนี้โรคเท้าแบนยังแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่

  • เท้าแบนแบบนิ่ม จัดเป็นภาวะเท้าแบนที่พบได้มากที่สุด เมื่อยืน ฝ่าเท้าจะราบไปกับพื้นทั้งหมด แต่เมื่อยกเท้าขึ้นมาจะเห็นช่วงโค้งของฝ่าเท้าและไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด แต่อาจส่งผลให้อาการแย่ลงตามช่วงอายุ เสี่ยงเส้นเอ็นฉีกขาดและรู้สึกเจ็บปวดได้
  • เท้าแบนแบบแข็ง เป็นประเภทที่พบได้น้อย โดยบริเวณหน้าเท้าจะโค้งนูนอออกผิดรูป มีลักษณะแข็งและเท้าหมุนจากข้างนอกเข้าด้านใน ทำให้รู้สึกเจ็บปวดและเคลื่อนไหวลำบากหากต้องยืนหรือเดินโดยใช้เท้าเป็นเวลานาน

อาการ

อาการของ โรคเท้าแบน

อาการของโรคเท้าแบน มีดังนี้

  • เท้าแบนราบกับพื้น
  • มีอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณเท้าและต้นขา
  • ปวดบริเวณส่วนโค้งของข้อเท้า ส้นเท้า
  • ปวดเมื่อในขณะเคลื่อนไหว
  • ส่วนของหน้าเท้าและนิ้วเท้าชี้ออกด้านออก

ควรเข้าพบคุณหมอหากสังเกตตั้งแต่ช่วงวัยเด็กว่ามีรูปเท้าผิดปกติหรือไม่ รวมถึงการทรงตัวไม่ดี รู้สึกเจ็บปวดข้อเท้า และกล้ามเนื้อขาอย่างรุนแรง 

สาเหตุ

สาเหตุของโรคเท้าแบน

โรคเท้าแบนอาจเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงวัยทารกและวัยเด็กที่มีสาเหตุมาจากร่างกายพัฒนายังไม่สมบูรณ์ หรือไม่พัฒนาเลย อย่างไรก็ตาม โรคเท้าแบนยังอาจเกิดได้จากภาวะผิวหนังยืดที่ได้รับจากพันธุกรรมของคนในครอบครัว ส่งผลต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนัง ข้อต่อ และผนังหลอดเลือด ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นจนความโค้งของเท้าหายไป มีผิวหนังบอบบางที่นำไปสู่ผิวฉีกเป็นแผลที่จำเป็นต้องเข้ารับการเย็บรักษาและผิวเท้าแตกลาย

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เป็นโรคเท้าแบน

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เป็นโรคเท้าแบน มีดังนี้

  • อายุที่มากขึ้น เพราะอาจทำให้เอ็นภายในบริเวณเท้าเสื่อมสภาพตามอายุจนไม่สามารถยึดความโค้งของรูปเท้าแล้วผิวหนังไว้ได้
  • โรคเบาหวานและโรคอ้วน อาจส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่ม จนเท้า ข้อเท้า และขา ต้องรองรับน้ำหนักตัว เกิดแรงกดทับเสี่ยงให้ข้อต่อ เส้นเอ็นได้รับความเสียหาย นำไปสู่โรคไขข้ออักเสบและโรคเท้าแบน
  • การบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้า เช่น อุบัติเหตุ การผ่าตัด อาจทำให้เส้นเอ็นภายในเท้าไม่สามารถยึดความคงตัวของรูปเท้าไว้ได้

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยโรคเท้าแบน

คุณหมออาจขอดูเท้าในลักษณะการยืนเดิน หรือทดสอบความแข็รงแรงของข้อเท้า รวมถึงตรวจหาตำแหน่งที่มีอาการปวดรุนแรงด้วยทำซีทีแสกน เอกซเรยและ อัลตราซาวน์ เนื่องจากผู้ป่วยบางคนอาจมีปัญหาเกี่ยวกับเอ็นและกระดูกของข้อเท้าภายใน ก่อนจะดำเนินการรักษาตามอาการในลำดับถัดไป เพื่อช่วยบรรเทาอาการ เพิ่มประสิทธิภาพการให้เคลื่อนไหวให้สะดวกยิ่งขึ้น

การรักษาโรคเท้าแบน

หากไม่ส่งผลให้เจ็บปวดหรือมีการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันลำบากอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บปวด คลื่อนไหวลำบาก เท้าผิดรูป คุณหมออาจรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด อาการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังภายในเท้า
  • กายภาพบำบัด คุณหมอจะแนะนำการทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเอง เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ยืดเส้นเอ็นของเท้า ข้อเท้า และขา ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวให้ดียิ่งขึ้น 
  • อุปกรณ์ช่วยพยุงขณะเดิน เช่น รองเท้าสั่งทำพิเศษ ที่รัดเท้า ซึ่งจะไม่ช่วยรักษาโรคเท้าแบนให้หายสนิท แต่จะช่วยพยุงข้อเท้าและลดอาการบาดเจ็บจากแรงกดทับของน้ำหนักตัว 
  • การผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเท้าแบนที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นหรือมีอาการร้ายแรงที่ทำให้ไม่สามารถเดินได้เนื่องจากเท้าผิดรูป รวมถึงซ่อมแซมกระดูก ข้อต่อและเนื้อเยื่อของเท้ที่ามีปัญหา

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคเท้าแบน

  • ลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดรับประทานอาหารที่มีไขมัน แป้งและน้ำตาลสูง เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าและขาต้องรองรับน้ำหนักตัวมากส่งผลให้เกิดอาการปวดได้
  • รับประทานยาแก้ปวด หากมีอาการปวด เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน โซเดียม (Naproxen sodium)
  • สวมรองเท้าที่มีความนุ่มและไม่รัดแน่น ที่ช่วยให้รู้สึกเคลื่อนไหวสะดวก
  • เข้ารับการกายภาพบำบัดสม่ำเสมอตามที่คุณหมอกำหนด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Flatfeet. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/flatfeet/symptoms-causes/syc-20372604.Accessed January 20, 2023   

Flat feet https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/flatfeet/diagnosis-treatment/drc-20372609.Accessed January 20, 2023   

Flatfeet. https://www.nhs.uk/conditions/flat-feet/.Accessed January 20, 2023   

Flatfeet. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/17005-flat-feet.Accessed January 20, 2023   

Flatfeet. https://medlineplus.gov/ency/article/001262.htm.Accessed January 20, 2023   

เท้าแบน…ทำไงดี. https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=527.Accessed January 20, 2023

Ehlers-Danlos Syndrome https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/ehlers-danlos-syndrome/symptoms-causes/syc-20362125.Accessed January 20, 2023   

เวอร์ชันปัจจุบัน

06/03/2023

เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

อัปเดตโดย: เนตรนภา ปะวะคัง


บทความที่เกี่ยวข้อง

คันตามผิวหนัง ในผู้ป่วยเบาหวาน สาเหตุและวิธีดูแลตัวเอง

จุด แดง ใต้ ผิวหนัง ไม่ คัน อาการ สาเหตุและการรักษา


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 06/03/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา