backup og meta

อาการเตือนโรคหัวใจ แบบไหนควรไปพบคุณหมอ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 06/07/2023

    อาการเตือนโรคหัวใจ แบบไหนควรไปพบคุณหมอ

    โรคหัวใจแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามสาเหตุและตำแหน่งที่เกิด ซึ่งโรคหัวใจแต่ละประเภทมักจะมีอาการที่คล้ายคลึงกัน โดยลักษณะ อาการเตือนโรคหัวใจ ที่พบบ่อยได้แก่ อาการแน่นหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่เต็มอิ่ม วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหงื่อออกเยอะ เหนื่อยง่าย หากสังเกตอาการเตือนโรคหัวใจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และไปพบคุณหมอโดยเร็วจะช่วยให้รักษาและหาวิธีดูแลตนเองได้อย่างทันท่วงที

    อาการเตือนโรคหัวใจ เป็นแบบไหน

    อาการเตือนโรคหัวใจ แบ่งออกตามประเภทของโรคได้ ดังนี้

    โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease)

    เกิดจากเส้นเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบตัน ซึ่งอาจเกิดจากไขมันเกาะตามผนังหลอดเลือดหัวใจมากเกินไปจนทำให้เลือดที่มีสารอาหารและออกซิเจนไม่สามารถไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงยังหัวใจได้ตามปกติ

    อาการที่พบบ่อยที่สุดของโรคหลอดเลือดหัวใจคืออาการแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอกซึ่งอาจสับสนกับอาการอาหารไม่ย่อยหรือกรดไหลย้อนได้ นอกจากนี้ อาจรู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บบริเวณไหล่ แขน คอ ลำคอ กราม หรือหลัง และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

    • หายใจถี่รัว
    • หัวใจสั่น
    • หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
    • วิงเวียนศีรษะหรืออ่อนแรง
    • คลื่นไส้
    • เหงื่อออกมาก

    โรคหัวใจวาย (Heart Attack)

    โรคหัวใจวายหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเกิดขึ้นเมื่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้น้อยลง มักเกิดจากไขมัน คอเลสเตอรอล และสารอื่น ๆ เข้าไปสะสมจนเกิดการอุดตันบริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ

    อาการที่พบบ่อย คือ แน่นหน้าอกเป็นเวลานานประมาณ 30 นาที จากนั้นค่อย ๆ หายไปแล้วกลับมาเป็นซ้ำอีก ซึ่งเป็นอาการหลักที่มักพบในผู้ชาย ในขณะที่ผู้หญิงอาจมีอาการที่ไม่ได้เกิดขึ้นบริเวณหน้าอกหรือหัวใจ เช่น อาการหายใจถี่รัว คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บกรามหรือหลัง เหงื่อออก ตัวเย็น หน้ามืด อ่อนเพลีย

    โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia) 

    โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าภายในหัวใจ หัวใจซึ่งอาจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือมีจังหวะที่ผิดปกติ

    อาการของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือผิดปกติ มักมีดังนี้

    • หัวใจเต้นผิดจังหวะ ใจสั่น
    • หัวใจเต้นรัว
    • วิงเวียนศีรษะหรือรู้สึกหวิว ๆ
    • เป็นลม
    • หายใจถี่รัวและหายใจไม่อิ่ม
    • รู้สึกไม่สบายบริเวณหน้าอก
    • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

    ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) 

    ภาวะนี้เป็นลักษณะของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดหนึ่งที่พบมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อหัวใจห้องบนไม่สามารถดันเลือดลงมาที่หัวใจห้องล่างได้ตามปกติ และมักทำให้อัตราการเต้นของหัวใจห้องบนเต้นเร็วผิดปกติ บางรายอาจไม่มีอาการเป็นที่สังเกต ในขณะที่บางรายอาจมีอาการต่อไปนี้

    • ใจสั่น
    • ไม่มีพลังงาน
    • วิงเวียนศีรษะ
    • แน่นหรืออึดอัดบริเวณหน้าอก
    • หายใจถี่รัว หายใจลำบากขณะทำกิจกรรมทั่วไป

    โรคลิ้นหัวใจ (Heart Valve Disease) 

    โรคลิ้นหัวใจคือโรคที่ลิ้นหัวใจส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนของแต่ละห้องหัวใจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจมีได้ทั้งอาการลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว บางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ เลยหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยแม้ว่าจะอยู่ในขั้นที่ร้ายแรงก็ตาม

    อาการโรคลิ้นหัวใจ อาจมีดังนี้

    • แน่นหน้าอก รู้สึกว่ามีแรงกดในอกขณะทำกิจวัตรประจำวันหรือเมื่ออยู่ในบริเวณอากาศเย็น
    • วิงเวียนศีรษะ
    • เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
    • ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นรัว
    • หายใจถี่รัว ไม่เต็มอิ่ม อาจรู้สึกเมื่อทำกิจวัตรประจำวันหรือเมื่อนอนหงาย

    หากโรคลิ้นหัวใจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว อาจมีอาการต่อไปนี้

    • บวมตามข้อหรือเท้า หรือท้องบวม หรือรู้สึกว่าท้องอืดแน่นเฟ้อ
    • น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure)

    ภาวะหัวใจล้มเหลวเกิดขึ้นเมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มักเกิดขึ้นเนื่องจากหัวใจอ่อนแอหรือเกิดภาวะหัวใจแข็ง อาจไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงโรคหัวใจ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่หัวใจอาจเสียหายอย่างรุนแรงซึ่งไปเป็นในลักษณะคล้ายกับโรคลิ้นหัวใจ

    ตัวอย่างอาการของภาวะหัวใจล้มเหลว เช่น

    • หายใจลำบากหรือไม่อิ่มขณะทำกิจกรรม หรือขณะนอนหงาย
    • ไอปนเสมหะสีขาว
    • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    • อาการบวมที่ข้อ ขา หรือท้อง
    • วิงเวียนศีรษะ
    • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
    • หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นไม่เป็นจังหวะ
    • ใจสั่น เจ็บหน้าอก
    • คลื่นไส้

    โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease) 

    โรคนี้เป็นความพิการแต่กำเนิดที่พบได้บ่อยที่สุด มักส่งผลต่อโครงสร้างและระบบการทำงานของหัวใจ คุณหมออาจวินิจฉัยพบโรคนี้ได้ในหลายช่วง ทั้งตั้งแต่ก่อนกำเนิด หลังคลอดไม่นาน ในช่วงวัยเด็ก หรือกระทั่งในวัยผู้ใหญ่ บางรายอาจไม่มีอาการผิดปกติให้เห็นเลย อาการเตือนโรคหัวใจประเภทนี้ แตกต่างกันออกไป ดังนี้

    อาการในทารกและเด็ก

    • ผิวหนัง เล็บมือ และริมฝีปากเป็นสีน้ำเงิน
    • หายใจเร็ว
    • ดูดนมได้น้อย ป้อนอาหารลำบาก
    • เป็นหวัดง่าย ติดเชื้อในปอดบ่อย
    • ออกกำลังกายไม่ได้ เหนื่อยง่าย

    อาการในผู้ใหญ่

    • หายใจถี่รัว
    • ออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ เหนื่อยง่าย
    • มีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวและโรคลิ้นหัวใจ เช่น ตาบวม ข้อบวม ท้องบวม วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หัวใจเต้นเร็ว

    โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Heart Muscle Disease หรือ Cardiomyopathy)

    เป็นโรคหัวใจประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นได้เมื่อหัวใจขยายใหญ่ หนาตัวหรือแข็งตัวผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจมีประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดลดลง และมักนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวและการคั่งของเลือดในปอดหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

    อาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจมักมีดังนี้

    • เจ็บหน้าอกเมื่อออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมทั่ว ๆ ไป เช่น ยกของ หรืออาจเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร

      ขาส่วนล่างบวม

    • อ่อนเพลีย
    • เป็นลม
    • ใจสั่น

    โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis)

    เยื่อหุ้มหัวใจเป็นเนื้อเยื่อคล้ายถุงบาง ๆ ที่อยู่รอบหัวใจ เมื่อเกิดการอักเสบซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส จะทำให้มีของเหลวหรือหนองในเยื่อหุ้มหัวใจ โดยทั่วไป โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบมักไม่รุนแรงและหายไปเองโดยไม่ต้องรักษา

    อาการโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ อาจมีดังนี้

    • เจ็บหน้าอกแปลบ ๆ อาการปวดอาจร้าวไปถึงคอ รวมไปถึงแขนและหลัง อาการอาจแย่ลงเมื่อนอนหงาย
    • มีไข้ต่ำ ๆ
    • อ่อนแรง
    • ใจสั่น
    • อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น

    อาการแบบไหนควรไปพบคุณหมอ

    ผู้ที่มีอาการเตือนโรคหัวใจดังต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสมโดยเร็ว

    • รู้สึกถึงความแน่นในช่องท้องร่วมกับรู้สึกเบื่ออาหารหรือคลื่นไส้
    • อ่อนเพลียอย่างรุนแรง หรือไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
    • ติดเชื้อในทางเดินหายใจหรืออาการไอแย่ลงเรื่อย ๆ
    • หัวใจเต้นเร็ว (มากกว่า 100 ครั้ง/นาที)
    • หัวใจเต้นผิดปกติ
    • เจ็บหรือแน่นหน้าอก
    • หายใจลำบากระหว่างทำกิจกรรมตามปกติในชีวิตประจำหรือขณะกำลังนอนพักผ่อน
    • มีปัญหาในการนอนหลับ เช่น ใช้เวลานานกว่าจะหลับ รู้สึกว่าต้องนอนมากกว่าปกติ
    • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
    • กระสับกระส่าย วิตกกังวล หรือสับสน
    • วิงเวียนศีรษะหรือหน้ามืดบ่อยครั้ง
    • คลื่นไส้หรือเบื่ออาหาร

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 06/07/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา