ทดสอบแอนตี้บอดี้-โจ-1 เป็นการทดสอบเพื่อวัดระดับแอนตี้บอดี้-โจ-1 ในกระแสเลือด โจวัน (histidyl tRNA synthetase) แอนตี้บอดี้-โจ-1 เป็นตัวบ่งชี้โรคกล้ามเนื้ออักเสบ และพบในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออักเสบ ที่มีโรคเนื้อเยื่อปอดอักเสบร่วมด้วย
คำจำกัดความ
ทดสอบแอนตี้บอดี้-โจ-1 (Anti-Jo-1 Antibodies Test)
ทดสอบแอนตี้บอดี้-โจ-1 เป็นการทดสอบเพื่อวัดระดับแอนตี้บอดี้-โจ-1 ในกระแสเลือด โจวัน (histidyl tRNA synthetase) ก็คือเอนไซม์ในกลุ่ม acyl-tRNA synthetase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบในเซลล์ชนิดที่มีนิวเคลียส แอนตี้บอดี้-โจ-1 ในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้ออักเสบจะจับตัวอยู่กับปลายสายโปรตีน ที่ช่วยยับยั้งฤทธิ์การเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์ในหลอดทดลองได้
แอนตี้บอดี้-โจ-1 เป็นตัวบ่งชี้โรคกล้ามเนื้ออักเสบ และพบในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออักเสบ ที่มีโรคเนื้อเยื่อปอดอักเสบร่วมด้วย แอนตี้บอดี้เหล่านี้พบได้มากกว่าครึ่งในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออักเสบที่มีพังผืด ในเนื้อเยื่อปอด และโรคข้ออักเสบแบบสมมาตรร่วม
ทำไมต้องทดสอบหาแอนตี้บอดี้-โจ-1?
ก็เพื่อประเมินโรคในผู้ป่วยที่มีสัญญาณและอาการแสดง ที่เกี่ยวข้องกับโรคทางระบบเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ปวดกล้ามเนื้อ และมีภาวะแขนขาอ่อนแรง มีอาการแสดงของโรคปอด โรคเรเนาด์ (Raynaud’s phenomenon) และโรคข้ออักเสบร่วมด้วย
ข้อควรระวัง/คำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการตรวจหาแอนตี้บอดี้-โจ-1 มีอะไรบ้าง
คำแนะนำที่จำเป็นสำหรับการเตรียมควาพร้อมก่อนทำการตรวจได้แก่
- ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำการตรวจอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- สำหรับการตรวจเลือด ผู้ป่วยควรงดน้ำและอาหารก่อนทำการตรวจอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- ยาหลายชนิดสามารถส่งผลต่อผลการตรวจได้ จึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่ท่านใช้อยู่ ทั้งยาที่ซื้อมารับประทานเอง และยาตามใบสั่งแพทย์
- การทดสอบชนิดนี้ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วย ที่มีผลการตรวจ Antinuclear Antibodies เป็นลบ
- การได้ผลการตรวจแอนตี้บอดี้-โจ-1 เป็นลบหนึ่งครั้ง ไม่สามารถวินิจฉัยว่าเป็นภาวะกล้ามเนื้ออักเสบหรือผิวหนังอักเสบได้
กระบวนการ
การเตรียมการสำหรับทดสอบ
สิ่งที่ท่านต้องเตรียมตัวก่อนการทดสอบก็คือ
การตรวจเลือด
รัดต้นแขนผู้ป่วยด้วยแถบยางยืดเพื่อห้ามการไหลเวียนของเลือด วิธีนี้จะทำให้เส้นเลือดดำที่อยู่ใต้แถบผ้าแถบยางขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้ใช้เข็มเจาะเข้าไปในเส้นเลือดดำได้ง่ายขึ้น
1. ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะเจาะด้วยแอลกอฮอล์
2. แทงเข็มเข้าเส้นเลือดดำ บางทีอาจต้องใช้เข็มมากกว่า 1 เข็ม
3. ต่อหลอดเก็บเลือดเข้ากับเข็มเพื่อให้เลือดไหลเข้าหลอดเก็บ
4. กดบริเวณที่เจาะแล้วปิดพลาสเตอร์
การตรวจหาจากปัสสาวะ
การทดสอบหาแอนตี้บอดี้-โจ-1 จากปัสสาวะ สามารถทำได้ 2 แบบ คือการเก็บตัวอย่างปัสสาวะในช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมง และในระยะเวลา 2 ชั่วโมง การเก็บตัวอย่างปัสสาวะในช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมงนั้น ทำโดยเก็บปัสสาวะเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า และจดเวลาที่เก็บปัสสาวะในครั้งแรกเอาไว้ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มของช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมงที่จะทำการเก็บตัวอย่าง
- ทางห้องปฏิบัติการจะให้ภาชนะบรรจุปัสสาวะขนาดใหญ่ 1 อัน ที่มีปริมาตร 1 แกลลอน (4 ลิตร) โดยในภาชนะบรรจุนั้นจะมีสารฆ่าเชื้อจำนวนหนึ่งอยู่ ปัสสาวะลงในภาชนะบรรจุอันเล็กที่ยังสะอาดอยู่ จากนั้นจึงเทปัสสาวะลงภาชนะบรรจุอันใหญ่
- ระวังอย่าให้นิ้วมือไปสัมผัสกับพื้นผิวภายในภาชนะ
- เก็บภาชนะบรรจุอันใหญ่ไว้ในตู้เย็นนาน 24 ชั่วโมง
- ปัสสาวะออกให้หมดเป็นครั้งสุดท้าย หรือในช่วงใกล้สิ้นสุดระยะเวลา 24 ชั่วโมง และบันทึกเวลาเอาไว้
- อย่าให้มีกระดาษชำระ เส้นขน เลือดประจำเดือน อุจจาระ หรือซึ่งแปลกปลอมอื่นใดตกลงไปปนกับตัวอย่างปัสสาวะ
การเก็บตัวอย่างปัสสาวะแบบ 2 ชั่วโมง ก็ใช้วิธีการเก็บเช่นเดียวกัน เพียงแต่เก็บในระยะ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการทดสอบหาแอนตี้บอดี้-โจ-1มีอะไรบ้าง
ในระหว่างการทดสอบ…ท่านอาจมีภาวะดังนี้
เนื่องจากการเก็บตัวอย่างเลือดจะเก็บจากเส้นเลือดบริเวณแขน ซึ่งมีแถบยางยืดรัดบริเวณต้นแขนไว้ ดังนั้นจึงอาจรู้สึกแน่นและไม่สะดวกสบายบ้าง แต่อาจไม่รู้สึกอะไรเลยหรือรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ท่านจะไม่มีอาการปวดใดๆทั้งสิ้นหากเป็นการตรวจหาจากตัวอย่างปัสสาวะ
หลังการทดสอบแอนตี้บอดี้-โจ-1 จะมีอาการอย่างไร
มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาน้อยมากจากการเก็บตัวอย่างเลือดจากเส้นเลือดดำ
ประการแรก คุณอาจมีรอยช้ำเป็นบริเวณเล็กๆ อย่างไรก็ตามคุณสามารถลดโอกาสที่จะเกิดการช้ำได้โดยกดบริเวณที่ถูกเจาะไว้ซักระยะหนึ่ง
ในบางกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก เส้นเลือดดำอาจบวมหลังจากการเจาะตัวอย่างเลือดไปตรวจ ซึ่งเรียกว่าภาวะหลอดเลือดดำอักเสบ การประคบร้อนวันละหลายๆ ครั้ง จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากนี้การเกิดภาวะเลือดออกก็สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางรายที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ อีกทั้งการใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน (Coumadin) และยาลดการเกาะตัวของเม็ดเลือดอื่นๆ ก็อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกได้มากขึ้น ถ้ามีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือหากกำลังรับประทานยาลดการเกาะตัวของเลือดอยู่ ก็ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการเก็บตัวอย่าง
หากท่านมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลการทดสอบ กรุณาปรึกษาแพทย์
คำอธิบายผลตรวจ
ผลตรวจบ่งบอกถึงอะไรบ้าง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการอาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ประวัติสุขภาพ เครื่องมือที่ใช้ ตรวจ และปัจจัยอื่นๆ
โดยทั่วไประดับแอนตี้บอดี้-โจ-1 จะมีค่าน้อยกว่า 1 ยูนิต ดังนั้นหากท่านมีระดับแอนตี้บอดี้-โจ-1 มากกว่า 1 ยูนิต นั่นก็แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว
โปรดปรึกษาแพทย์หากท่านมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลการทดสอบ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]