ผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่เปราะบางทั้งทางร่างกายและจิตใจ หากผู้สูงอายุเกิดปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว โรคทางกาย หรือโรคซึมเศร้า อาจเกิดความคิดฆ่าตัวตายได้ ครอบครัวจึงควรเป็นส่วนสำคัญในการดูแล ใส่ใจและสังเกตสัญญาณปัญหาสุขภาพจิต เพื่อป้องกัน การฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุ ที่อาจเกิดขึ้นได้
การฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุ
สถิติจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในผู้สูงอายุ สูงเป็นอันดับ 2 รองจากวัยทำงาน ตามสถิติล่าสุดในปี พ.ศ. 2562 พบว่า การฆ่าตัวตายสำเร็จในผู้สูงอายุ ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 927 คน และวัยทำงาน 3,380 คน โดยสาเหตุการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุที่พบบ่อย คือ ปัญหาความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด โรคเรื้อรังทางกาย และโรคซึมเศร้า
ในปัจจุบันจำนวนประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อบุคคลมีอายุมากขึ้นอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพร่างกายและสมอง ความสามารถในการทำงานลดลง ทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น ความสุขในชีวิตลดน้อยลง ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจเพิ่มความเสี่ยงการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุได้เช่นกัน
ผู้สูงอายุที่พยายาม ฆ่าตัวตาย ส่วนใหญ่มีภาวะซึมเศร้า ที่อาจเกิดขึ้นจากการสูญเสียคนที่รัก ความรู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกด้อยค่า หรือรู้สึกว่าเป็นภาระคนอื่น ความเจ็บป่วยเรื้อรัง หรืออาจเกิดจากปัญหาทางการเงิน ซึ่งผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูง มักเป็นกลุ่มที่อยู่ติดบ้าน ถูกทอดทิ้ง ไม่มีคนใส่ใจดูแล ขาดคนรับฟังและพูดคุย จนผู้สูงอายุเกิดความน้อยใจ รู้สึกไม่มีส่วนร่วมกับครอบครัว เมื่อสิ่งเหล่านี้สะสมเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงต่อการ ฆ่าตัวตาย ในอนาคต
นอกจากนี้ การเจ็บปวดเรื้อรังก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุเช่นกัน เพราะโรคเรื้อรังอาจบั่นทอนกำลังใจ ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเป็นทุกข์ เบื่อหน่ายต่ออาการและการรักษา จึงอาจมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะอาจเป็นภาระหรือสร้างความเหนื่อยยากให้กับลูกหลาน
สัญญาณ การฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุ
สัญญาณการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุที่ควรสังเกต มีดังนี้
- เศร้า วิตกกังวล ร้องไห้บ่อยครั้ง มีความคิดในแง่ลบ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า
- หมดความสนใจในสิ่งที่ชื่นชอบ
- เก็บตัว ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวและสังคม
- ไม่รับประทานอาหาร
- เจ็บป่วยทางร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ
- สมาธิและความจำแย่ลง
- ให้ของมีค่าหรือเขียนจดหมายให้กับผู้อื่น
- มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย หรืออาจพูดถึงการฆ่าตัวตาย
การป้องกันการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุ
การป้องกันการ ฆ่าตัวตาย ในผู้สูงอายุ สามารถทำได้ ดังนี้
- ครอบครัวควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้า ปัญหาสุขภาพ รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตใจและสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุ
- สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้สูงอายุ
- พูดคุย หรือถามถึงสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตเพื่อทำให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือไร้ค่า
- ร่วมพูดคุยเพื่อสร้างพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองให้สมบูรณ์กับผู้สูงอายุ
- หากิจกรรมทำร่วมกับผู้สูงอายุ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีส่วนร่วม
- หากผู้สูงอายุมีโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง ครอบครัวควรอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ
พบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตเป็นประจำ และทำการรักษาอย่างต่อเนื่องหากพบปัญหาสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต
[embed-health-tool-bmi]