backup og meta

เสมหะในคอ เคลียร์ได้! ด้วยการใช้ อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) หรือ เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-Acetylcysteine)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย แวววิกา ศรีบ้าน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    เสมหะในคอ เคลียร์ได้! ด้วยการใช้ อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) หรือ เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-Acetylcysteine)

    อะเซทิลซิสเทอีน  (Acetylcysteine) หรือ เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-acetylcysteine) หรือที่เรียกโดยย่อว่า NAC คือ ตัวยาสำคัญที่มักนำมาเป็นส่วนประกอบของกลุ่มยาละลายเสมหะ โดยมีคุณสมบัติเด่นในการช่วยคลายความข้นเหนียวของ เสมหะในคอ ช่วยให้ร่างกายสามารถกำจัดเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น เป็นโอกาสดีที่เราจะมาทำความรู้จักกับสารตัวนี้ให้มากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังกังวลหรืออึดอัดกับอาการไอมีเสมหะอยู่ในขณะนี้

    รู้จักรู้จริงเกี่ยวกับ อะเซทิลซิสเทอีน

    อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) หรือ เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-Acetylcysteine) จัดเป็นอนุพันธ์หนึ่งของกรดอะมิโนชนิด แอล-ซิสเทอีน (L-cysteine) ลักษณะเป็นผลึกสีขาวละลายน้ำและแอลกอฮอล์ได้ดี ถูกนำมาใช้เป็นยาละลายเสมหะเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1960 ในผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) ซึ่งเป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่ทำให้มีการสร้างเสมหะอุดกั้นปอด และเกิดเมือกในตับอ่อนและอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย

    อะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) จัดการกับ เสมหะในคอ อย่างไร

    คุณสมบัติที่โดดเด่นของ อะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) คือ ความสามารถในการทำลายการยึดเกาะของโมเลกุลเสมหะ ทำให้เสมหะแตกตัวและมีความข้นเหนียวลดลง ส่งผลให้ร่างกายสามารถขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น ตัวยานี้จึงมักนำไปใช้ในการรักษากับผู้ที่มีอาการไอแบบมีเสมหะทั่วไป รวมทั้งผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดลมอักเสบ โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมโป่งพองหรือโรคมองคร่อ (Bronchiectasis) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเสมหะ ลดการสะสมของเสมหะ และขับเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ

    ใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) อย่างไรให้เหมาะสม

    การใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) สำหรับการละลายเสมหะ สามารถใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ ยาฉีด แบบผงละลายน้ำ ยารับประทาน ยาอม ยาแกรนูล และยาเม็ดฟู่ สำหรับยาฉีดนั้นเป็นการฉีดยาเข้าทางเส้นเลือดดำ สำหรับผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิส หรือในผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องกระทำตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น

    ขนาดการใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีนในผู้ใหญ่นั้น มีมาตรฐานอยู่ที่ 600-1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทาน 3 ครั้งต่อวัน ส่วนในเด็ก ใช้ครั้งละ 100 มิลลิกรัม วันละ 2-4 ครั้ง

    สำหรับยาชนิดเม็ดฟู่นั้นควรใช้กับผู้ใหญ่และเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไป

    ผลข้างเคียงและข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน)

    ทางการแพทย์ อะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) ถือว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่สำหรับสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา อย่างไรก็ตาม อาการข้างเคียงอาจพบได้ในบางกรณี โดยมักเกิดขึ้นได้ในระบบทางเดินอาหาร ได้แก่

    • คลื่นไส้
    • อาเจียน
    • ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
    • ไม่สบายท้อง
    • มีอาการง่วงซึม
    • ปวดศีรษะ

    ข้อควรระวังของการใช้ยานี้ คือ ไม่ควรใช้กับอาการไอที่เกิดจากภาวะหอบหืดเฉียบพลันในผู้ป่วยโรคหอบหืด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย แวววิกา ศรีบ้าน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา