คุณสมบัติที่โดดเด่นของ อะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) คือ ความสามารถในการทำลายการยึดเกาะของโมเลกุลเสมหะ ทำให้เสมหะแตกตัวและมีความข้นเหนียวลดลง ส่งผลให้ร่างกายสามารถขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น ตัวยานี้จึงมักนำไปใช้ในการรักษากับผู้ที่มีอาการไอแบบมีเสมหะทั่วไป รวมทั้งผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดลมอักเสบ โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมโป่งพองหรือโรคมองคร่อ (Bronchiectasis) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเสมหะ ลดการสะสมของเสมหะ และขับเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ
ใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) อย่างไรให้เหมาะสม
การใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน) สำหรับการละลายเสมหะ สามารถใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ ยาฉีด แบบผงละลายน้ำ ยารับประทาน ยาอม ยาแกรนูล และยาเม็ดฟู่ สำหรับยาฉีดนั้นเป็นการฉีดยาเข้าทางเส้นเลือดดำ สำหรับผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิส หรือในผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องกระทำตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
ขนาดการใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีนในผู้ใหญ่นั้น มีมาตรฐานอยู่ที่ 600-1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทาน 3 ครั้งต่อวัน ส่วนในเด็ก ใช้ครั้งละ 100 มิลลิกรัม วันละ 2-4 ครั้ง
สำหรับยาชนิดเม็ดฟู่นั้นควรใช้กับผู้ใหญ่และเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไป
ผลข้างเคียงและข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาอะเซทิลซิสเทอีน (เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน)
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย