โรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ สามารถพบได้มากในทุกช่วงวัยไม่ว่าจะเป็นทารก เด็กเล็ก รวมไปถึงผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพราะ ปอดบวม เป็นสิ่งที่เราทุกคนคาดเดาไม่ได้ว่าวันใดเราจะต้องเผชิญกับมัน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง วันนี้ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลถึง สาเหตุของโรคปอดบวม เบื้องต้นเอาไว้ให้ทุกคนในบทความนี้แล้ว
สาเหตุของโรคปอดบวม มาจากอะไร
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ อาจมาจากเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัสในอากาศที่มักเข้าผ่านระบบทางเดินหายใจ เมื่อสูดอากาศเข้าไป จนสะสมอยู่ภายในถุงลมทำให้มีอัตราเสี่ยงที่จะเป็นปอดบวม ปอดอักเสบ ได้นั่นเอง โดยเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่พบได้บ่อยที่สุดนั้น มีดังนี้
- แบคทีเรีย Streptococcus Pneumoniae
- สิ่งมีชีวิตคล้ายแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า Mycoplasma Pneumoniae
- เชื้อราในดิน และมูลสัตว์
- ไวรัสโควิด-19 (COVID-19)
ที่สำคัญเชื้อไวรัสข้างต้นยังสามารถแพร่กระจายติดต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ ได้ จากการได้รับละอองน้ำลายที่ลอยฟุ้งอยู่บนอากาศ ผ่านการไอ จาม หากเมื่อใดที่คุณรับเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว กรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสชนิดรุนแรง ก็สามารถทำให้คุณเผชิญกับโรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ ได้ง่ายขึ้น และค่อนข้างเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างมาก
สัญญาณเตือนที่ คุณรีบเข้าพบคุณหมอ
อาการของโรคปอดบวมสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการรับเชื้อภายใน 24-48 ชั่วโมง หรืออาจมากกว่านั้นตามการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคุณ โดยทั่วไปอาการของ ปอดอักเสบ นั้น มักจะทำให้คุณมีอาการหายใจลำบาก อาการไอ เป็นไข้ ราวกับอาการไม่สบาย และไข้หวัด แต่หากเมื่อใดที่คุณมีอาการรุนแรง ดังต่อไปนี้ อาจต้องรับเข้าวินิจฉัยจากแพทย์ในทันที
- ไอรุนแรง และไอเป็นเลือด
- หายใจถี่เร็ว
- เหนื่อยล้าง่าย หมดแรง
- เหงื่อออกมาก
- ท้องเสีย
- อาเจียน
- ไข้ขึ้นสูงกว่า 39 องศา
- เจ็บหน้าอก
- รับประทานอาหารลำบาก
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะมีแนวโน้มเผชิญกับอาการรุนแรงได้มากกว่าบุคคลทั่วไป และอาจส่งผลให้ภาวะหัวใจล้มเหลว มักอยู่ในช่วงวัยผู้ใหญ่อายุ 65 ปี และเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ รวมถึงผู้ที่มีภาวะสุขภาพเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน
การรักษา และการป้องกัน โรคปอดบวม
หากวินิจฉัยแล้วว่าเชื้อไวรัสลงไปสู่ปอดของคุณจน ปอดอักเสบ แพทย์อาจดำเนินการรักษาตามอาหาร และเชื้อไวรัสที่พบเจอ ด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น ยาแก้ไข ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาต้านเชื้อรา ทั้งในรูปแบบการรับประทาน หรือการฉีดของเหลวผ่านทางหลอดเลือดดำ แต่สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก แพทย์อาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และออกซิเจนให้คุณ พร้อมติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
นอกจากคุณจะรับการรักษาจากแพทย์ ถึงอย่างไรคุณก็ควรที่จะดูแลตนเองให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดอาการรุนแรงจากโรคปอดบวม หรือป้องกันให้ห่างไกลจากโรคปอดอักเสบ ไม่ให้กลับเข้ามาทำลายสุขภาพปอดอีกครั้ง ตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หยุดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด โดยสามารถขอรับการบำบัดเลิกบุหรี่ได้จากแพทย์
- ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
- รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม เป็นประจำตามกำหนด
ช่วงอายุที่ควรได้รับการฉีดวัคซีน มักเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุ 2-65 ปีขึ้นไป แต่อาจเป็นการได้รับวัคซีนคนละชนิด ที่แพทย์เห็นว่าปลอดภัย และเหมาะสมที่สุด