มะเร็งช่องปาก หรือ มะเร็งในช่องปาก (Oral cancer) คือโรคที่เกิดจากเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย หรือเซลล์มะเร็งที่เกิดในช่องปาก โดยอาจพบเซลล์มะเร็งอยู่ที่ลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก หรือเหงือกก็ได้ แตกต่างกันไปตามแต่บริเวณที่มีเซลล์มะเร็งเติบโต
คำจำกัดความ
มะเร็งช่องปาก คืออะไร
มะเร็งช่องปาก หรือ มะเร็งในช่องปาก (Oral cancer) คือโรคที่เกิดจากเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย หรือเซลล์มะเร็งที่เกิดในช่องปาก โดยอาจพบเซลล์มะเร็งอยู่ที่ลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก หรือเหงือกก็ได้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่บริเวณที่มีเซลล์มะเร็งเติบโต มากไปกว่านั้น เซลล์มะเร็งยังอาจลุกลามไปยังบริเวณต่อมทอนซิล ต่อมน้ำลาย หรือคอหอยได้ด้วยเช่นกัน
มะเร็งในช่องปาก ถือเป็นอีกหนึ่งโรคมะเร็งที่จำเป็นจะต้องได้รับการวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
มะเร็งช่องปาก พบได้บ่อยแค่ไหน
สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society; หรือ ACS) ระบุว่า ผู้ชายเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งในช่องปาก สูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือ กลุ่มผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
อาการ
อาการของ มะเร็งช่องปาก
อาการโดยทั่วไปของ มะเร็งในช่องปาก มีดังนี้
- มีอาการเจ็บที่ริมฝีปากหรือเจ็บที่ปากเป็นเวลานานและไม่หายสักที
- มีก้อนกลม ๆ หนาขึ้น หรือเป็นตุ่มบริเวณริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก หรือบริเวณต่าง ๆ ในช่องปาก
- มีรอยฝ้าสีขาวหรือสีแดงเกิดขึ้นในช่องปาก
- เลือดออกในปากโดยที่ไม่ทราบสาเหตุติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์
- มีอาการชา สูญเสียความรู้สึกที่บริเวณใบหน้า ปาก หรือลำคอ
- มีอาการเจ็บปวดและรู้สึกว่ามีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ
- กลืนอาหารลำบาก เจ็บปวดเวลากลืนหรือเคี้ยวอาหาร
- พูดลำบาก หรือขยับขากรรไกรลำบากเวลาพูดหรือเคี้ยวอาหาร
- มีอาการเสียงแหบ เจ็บคอเรื้อรัง หรือมีเสียงเปลี่ยน
- ปวดหู
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ฟันหลุด ฟันหัก
- หากใส่ฟันปลอมอาจรู้สึกตึงหรือคับแน่นที่ฟันปลอม
อาจมีอาการของ มะเร็งในช่องปาก ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น สำหรับอาการอื่น ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด
หากคุณมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีอาการความผิดปกติใด ๆ ในช่องปากดังที่กล่าวไปข้างต้นติดต่อกันเป็นระยะเวบานานกว่า 2 สัปดาห์และไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น ควรไปพบทันตแพทย์หรือปรึกษากับคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัย
สาเหตุ
สาเหตุของมะเร็งช่องปาก
มะเร็งในช่องปาก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติของระบบดีเอ็นเอของเซลล์ในช่องปาก และพัฒนากลายเป็นเนื้องอก ก่อนจะค่อย ๆ เติบโตเป็นเซลล์มะเร็ง และเมื่อก่อตัวจนเป็นเซลล์มะเร็งแล้วก็จะค่อย ๆ แพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ภายในช่องปากหรือลำคอ อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เพราะเหตุใดเซลล์ในช่องปากจึงมีการเปลี่ยนแปลงของระบบดีเอ็นเอภายในเซลล์
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งช่องปาก
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก็มีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงของ มะเร็งในช่องปาก ด้วยเช่นกัน ดังนี้
- การสูบบุหรี่
- การใช้ยาสูบทั้งแบบเคี้ยว แบบดม หรือแบบสูบ
- การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก
- การปล่อยให้ริมฝีปากสัมผัสกับแสงแดดมากจนเกินไป
- สมาชิกในครอบครัวมีประวัติการเป็นมะเร็งมาก่อน
- การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papillomavirus virus ) หรือ โรค HPV
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจยังพบอีกว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เลย หรือผู้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งคราวเท่านั้น ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงเป็น มะเร็งในช่องปาก สูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก
แพทย์สามารถทำการตรวจวินิจฉัย มะเร็งในช่องปาก ได้หลายวิธี ดังนี้
- ตรวจโดยการตรวจสุขภาพช่องปาก ทันตแพทย์หรือแพทย์สามารถทำการตรวจสุขภาพช่องปากโดยปกติทั่วไป เพื่อตรวจดูความผิดปกติที่ริมฝีปาก ภายในช่องปาก หรือลำคอ และดูว่ามีก้อนเนื้อที่ผิดปกติ หรือมีรอยคราบ รอยฝ้าที่ผิดปกติเกิดขึ้นในช่องปากหรือไม่
- ตรวจโดยการตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อความแม่นยำ แพทย์อาจพิจารณาทำการตรวจวินิจฉัยโดยการผ่าตัดนำเนื้อเยื่อไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์หาเซลล์มะเร็ง
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งในช่องปาก แพทย์อาจพิจารณาให้มีการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ได้แก่
- ตรวจโดยการส่องกล้อง โดยแพทย์จะมีการส่องกล้องเข้าไปตรวจทั้งในช่องปากและลำคอ เพื่อดูว่าเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนใดบ้าง
- ตรวจโดยการถ่ายภาพ ด้วยการเอ็กซเรย์ การทำซีทีสแกน หรือทำเอ็มอาร์ไอ เพื่อให้สามารถชี้ชัดว่าเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนใดบ้าง
การรักษามะเร็งช่องปาก
การรักษา มะเร็งในช่องปาก จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของเซลล์มะเร็ง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยแพทย์สามารถทำการรักษามะเร็งในช่องปากได้หลายวิธี ได้แก่
รักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี คือ
- การผ่าตัดเอาเซลล์มะเร็งในช่องปากออกมา
- การผ่าตัดเพื่อนำเซลล์มะเร็งที่แพร่ไปยังลำคอออกมา
- การผ่าตัดหลังจากที่นำเซลล์มะเร็งออกมาแล้ว และต้องมีการผ่าตัดเพื่อทำการซ่อมแซมหรือปลูกถ่ายเนื้อเยื่อในช่องปากหรือลำคอ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
รักษาโดยการฉายรังสี
แพทย์อาจพิจารณาให้มีการฉายรังสีเอ็กซ์และรังสีโปรตอน เพื่อทำการฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งมักจะใช้วิธีนี้หลังจากที่มีการผ่าตัดแล้ว หรืออาจใช้ตั้งแต่แรกในกรณีที่เป็น มะเร็งในช่องปาก ระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม หลังการฉายรังสี อาจมีผลข้างเคียงคือมีอาการปวด ปากแห้ง ฟันผุ กระดูกขากรรไกรเสื่อม ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นที่จะต้องมีการรักษาสุขภาพฟันและสุขภาพช่องปากหลังจากรับการฉายรังสีเพิ่มเติม
รักษาโดยการทำเคมีบำบัดหรือทำคีโม (Chemotherapy)
การทำคีโมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งในช่องปากหลังจากที่มีการฉายรังสี หรือมีการทำคีโมไปพร้อม ๆ กับการฉายรังสี ซึ่งจะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และผมร่วง
รักษาโดยการรับประทานยาแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อรักษามะเร็ง
แพทย์อาจพิจารณาสั่งจ่ายยาเพื่อใช้ในการรักษามะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ยาซิทูซิแม็บ (Cetuximab) ที่ใช้เพื่อรักษามะเร็งในช่องปาก บริเวณลำคอ หรือบริเวณศีรษะ
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองที่ช่วยจัดการกับมะเร็งช่องปาก
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางประการดังต่อไปนี้ มีส่วนช่วยป้องกัน มะเร็งในช่องปาก ได้
- ไม่สูบบุหรี่ หรือเลิกสูบบุหรี่
- ไม่ใช้ยาสูบไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม
- เลิกดื่มแอลกอฮอล์
- ปกป้องผิวหนังและริมฝีปากจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายที่มีส่วนผสมของสารกันแดดเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบทั้ง 5 หมู่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ