ตับอ่อนอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเซลล์ตับอ่อน ทำให้เกิด อาการ ต่าง ๆ เช่น คลื่นไส้และอาเจียน ปวดท้องส่วนบน บางรายอาการปวดท้องเป็นรุนเเรงเเละปวดร้าวทะลุไปกลางหลัง มีไข้ โดยที่ภาวะตับอ่อนอักเสบนั้นหากเป็นรุนเเรง หรือ เรื้อรังทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ เนื่องจากเซลล์ตับอ่อนนั้นนอกจากมีหน้าที่ผลิตน้ำย่อยต่าง ๆ เเล้ว ยังทำหน้าที่ผลิดฮอร์โมนอินซูลินที่จำเป็นในการเผาผลาญน้ำตาล เมือเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ เซลล์ตับอ่อนอาจผลิตและหลั่งอินซูลินลดลง จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและพัฒนาไปสุ่โรคเบาหวานได้
[embed-health-tool-bmi]
ตับอ่อนอักเสบ อาการ มีอะไรบ้าง
ตับอ่อนอักเสบ อาการ อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
ภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
- อาการปวดท้อง ภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันมักทำให้มีอาการปวดท้องส่วนบน ตรงกลาง บางครั้งอาจปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่ อาการปวดมักจะทวีความรุนเเรงมากขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับอาจลาม ร้าวไปถึงด้านหลัง ซึ่งอาการปวดท้องเหล่านี้เกิดจาก การอักเสบของเซลล์ตับอ่อน ทำให้น้ำย่อยรั่วไหลมาระคายเคืองตัวตับอ่อนเอง นอกจากนี้ มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
- ไข้สูง เนื่องจากเกิดการอักเสบที่ตับอ่อน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงถูกกระตุ้นจึงเป็นสาเหตให้เกิดอาการไข้ตามมา
- ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากเซลล์ตับอ่อนทำหน้าที่ผลิตน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบจึงส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานบกพร่องไป เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร มีอาการท้องอืด คลื่นไส้และอาเจียนได้
- หัวใจเต้นเร็ว เป็นผลสืบเนื่องจากกระบวกการอับเสบภายในร่างกาย ทำให้เกิดสารอักเสบไซโตคายน์ ( Cytokine ) ไปกระตุ้นให้มีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น นอกจากนี้เมื่อตับอ่อนอักเสบมักทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
ภาวะตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
- อาการปวดท้องส่วนบนเป็น ๆ หาย ๆ และอาการปวดท้องเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร เนื่องจากมีการอักเสบที่เซลล์ตับอ่อนเรื้อรัง จึงทำให้มีอาการปวดท้องเป็น ๆ หายๆ ได้ รวมทั้งมีการผลิตและหลังน้ำย่อยบกพร่องไป จึงส่งผลต่อการย่อยอาหาร เเกิดเป็นอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้และอาเจียนซึ่งมักมีอาการมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร
- น้ำหนักลดและขาดสารอาหาร ภาวะตับอ่อนอักเสบที่เกิดขึ้นเรื้อรังส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานบกพร่องทำให้ร่างกายขาดสารอาหารเนื่องจากดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง จึงทำให้ผู้ป่วยมีน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
- ท้องเสีย อุจจาระเป็นมันลอย เกิดจากความผิดปกติของการย่อยและดูดซึมสารอาหาร เนื่องจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลายจึงไม่สามารถสร้างน้ำย่อยได้เพียงพอ ส่งผลเกิดอาการท้องเสีย เเละมีไขมันในอุจจาระปริมาณมากขึ้น อุจจาระจึงมีลักษณะเป็นมันลอย
ตับอ่อนอักเสบ ส่งผลอย่างไรต่อโรคเบาหวาน
ตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตและหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งจำเป็นในการเผาผลาญน้ำตาลในเลือดให้กลายเป็นพลังงาน ดังนั้นเมือเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ เซลล์ตับอ่อนจะหลั่งอินซูลินลดลง ไม่เพียงพอสำหรับการเผาผลาญน้ำตาล จึงทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เเละพัฒนาไปสู่โรคเบาหวานตามมาได้
ในปัจจุบันมียารักษาโรคเบาหวาน บางกลุ่มมีรายงานว่า อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะตับอ่อนอักเสบได้ ดังนั้นในผู้ที่เคยมีประวัติเป็นตับอ่อนอักเสบมาก่อน เเนะนำให้เลี่ยงการใช้ยากล่ม DPP4 inhibitor เเละยาฉีดกลุ่ม GLP1 receptor agonist เช่น ซิตากลิปติน (Sitagliptin) เอซีนาไทด์ (Exenatide) วิลดากลิปติน (Vildagliptin) ลิรากลูไทด์ (Liraglutide)
วิธีดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันภาวะตับอ่อนอักเสบ
วิธีดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันมิให้เกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ อาจทำได้ดังนี้
- บริโภคแอลอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือมากกว่า 2 แก้ว/วัน หรือดื่มติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับอ่อนอักเสบเพราะตัวแอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองเเละอักเสบของตับอ่อนได้โดยตรง
- งดการสูบบุหรี่ นอกจากบุหรี่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดแล้วยังพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบมากกว่าผู้ที่ไม่สูบอีกด้วย เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ไปทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อตับอ่อน จึงก่อให้เกิดการอักเสบตามมาได้
- หลีกเลี่ยงอาหารทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ( Triglyceride) เนื่องจากหากมีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสุงมากกว่า 500 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจทำให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนได้ โดยทีอาหารที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงได้เเก่ มาการีน อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวหรือมีน้ำตาลสูงเช่น ขนมหวาน มันฝรั่งทอด แป้งขัดขาว เส้นพาสต้า รวมถึงเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม จึงเเนะนำให้เลี่ยงหรือเลือกรับประทานอาหารดังกล่าวแต่น้อย