อาการหนาวสั่นในผู้ป่วยเบาหวาน เกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยลดต่ำจนอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย ส่งผลให้มีอาการผิดปกติอย่างหนาวสั่น วิตกกังวล เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ หิวมากกว่าปกติ วิธีป้องกันได้แก่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอในการทำงานตามปกติ
[embed-health-tool-bmi]
อาการหนาวสั่นในผู้ป่วยเบาหวาน เกิดจากอะไร
อาการหนาวสั่นในผู้ป่วยเบาหวาน โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าเกณฑ์ปกติหรือน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (3.9 มิลลิโมล/ลิตร) มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งร่างกายมีความบกพร่องของฮอร์โมน และผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่รักษาเบาหวานด้วยอินซูลิน ภาวะนี้จะทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเนื่องจากมีพลังงานไม่เพียงพอในการหล่อเลี้ยงเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ และทำให้เกิดอาการผิดปกติตามมา
ปัจจัยเสี่ยงอาการหนาวสั่นในผู้ป่วยเบาหวาน
ปัจจัยต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอาการหนาวสั่นในผู้ป่วยเบาหวานได้
- รับอินซูลินเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป
- รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ไม่กินอาหารบางมื้อ
- รับประทานยารักษาเบาหวานเกินขนาด
- ทำกิจกรรมทางกายหรือออกกำลังกายหักโหมกว่าปกติ
- ดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง
- รับประทานอาหารที่ไม่สมดุล
อาการหนาวสั่นในผู้ป่วยเบาหวาน เป็นยังไง
ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจมีอาการหนาวสั่น ขนลุก เจ็บที่บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ร่วมกับอาการอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- มือสั่น ตัวสั่น
- ใจสั่น
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- มีเหงื่อออก
- หิวมากกว่าปกติ
- หัวใจเต้นเร็ว
- วิงเวียนศีรษะ
- สับสน มีปัญหาในการตั้งสมาธิ
- ตัวซีด
- ชาที่ริมฝีปาก ลิ้น หรือกระพุ้งแก้ม
นอกจากนี้ยังมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำในเวลากลางคืน ที่อาจมีอาการดังต่อไปนี้
- นอนไม่หลับ มีปัญหาในการนอน
- เหงื่อออกจนชุ่มเสื้อผ้าหรือที่นอน
- ฝันร้าย
- ร้องไห้ออกมาขณะนอนหลับ
- รู้สึกเพลีย สับสนมึนงงหลังจากตื่นนอน
สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง และควรได้รับการดูแลจากบุคลากรทางแพทย์โดยด่วน อาจมีอาการดังนี้
- สายตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน
- ขาแขนอ่อนแรง เดินไม่สะดวกเท่าปกติ
- พูดจาติดขัด
- ชัก
- หมดสติ
วิธีควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้ อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ต่ำจนเกินไปจนเกิดอาการหนาวสั่น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อห้ามของบุคลากรทางการแพทย์อย่างเคร่งครัด และรับประทานยารักษาเบาหวานอย่างครบถ้วนตามที่คุณหมอสั่ง
- ไม่ควรออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมทางกายที่ใช้พลังงานมากกว่าปกติ เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงกว่าปกติ และควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย และปรับยาหรือปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานเพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
- หากต้องการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาเพราะระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่หรือสูง/ต่ำเกินไป ควรปรึกษาคุณหมอก่อนถึงการปรับเปลี่ยนยาหรืออาหารอย่างเหมาะสมกับภาวะสุขภาพของตัวเอง
- หมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือดของตัวเองอยู่เสมอเพื่อประเมินผลการรักษาโรคเบาหวานที่ผ่านมาและควบคุมให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ควรพกพาอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต เช่น กลูโคสเม็ด น้ำผลไม้กล่อง ของหวาน เมื่อออกไปข้างนอกอยู่เสมอ
- ไม่ควรงดมื้ออาหาร เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำมากจนร่างกายขาดพลังงาน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงท้องว่าง แอลกอฮอล์ยังอาจไประงับอาการที่ทำให้ทราบว่าน้ำตาลในเลือดต่ำจนอาจทำให้ทราบก็ต่อเมื่อน้ำตาลในเลือดลดต่ำในระดับรุนแรงแล้ว