การมี เลือดออกทางช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้คุณแม่หลายคนเกิดความกังวลได้ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นภาวะปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ หรืออาจเป็นสัญญาณบ่งบอกความผิดปกติใด ๆ หรือไม่ ดังนั้น การรู้ถึงสาเหตุของอาการ เลือดออกทางช่องคลอด ในช่วงขณะตั้งครรภ์ รวมถึงวิธีการป้องกัน จึงอาจช่วยให้คุณแม่ดูแลตัวเองและทารกในครรภ์ได้อย่างถูกวิธี
[embed-health-tool-pregnancy-weight-gain]
สาเหตุ เลือดออกทางช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ ไตรมาสแรก
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ เลือดออกทางช่องคลอด ในช่วงไตรมาสแรก โดยปกติแล้วมักจะมีอยู่ 2 สาเหตุ คือ
- อาการ เลือดออก ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากไข่ที่ปฏิสนธิฝังตัวในครรภ์ หรือที่เรียกกันว่า เลือดล้างหน้าเด็ก
- อาการ เลือดออก เนื่องจากมีหลอดเลือดในบริเวณปากมดลูกมีความเปราะบางมากขึ้น
โดยปกติอาการเหล่านี้มักมีเลือดออกเพียงแค่เล็กน้อย แต่ถ้าหากคุณมีเลือดออกทางช่องคลอดมากกว่าปกติ โดยเฉพาะหากมีเลือดออกมากเมื่อมีอายุครรภ์มากขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เนื่องจากอาจเป็นสัญญานเตือนของภาวะที่อันตราย ดังต่อไปนี้
เลือดออก เนื่องจากการฝังตัวของไข่
ในการตั้งครรภ์ระยะแรกคุณอาจมีเลือดออกในช่องคลอดขณะตั้งครรภ์เล็กน้อยแต่ไม่เป็นอันตราย เนื่องจากเป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลังพัฒนาหลังจากการฝังตัวในผนังมดลูก
เลือดออก จากการแท้งบุตร
การแท้งบุตรเกิดขึ้นเพราะอาจมีบางความผิดปกติเกิดขึ้นกับทารก นอกจากนี้อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น เช่น ฮอร์โมนหรือปัญหาการแข็งตัวของเลือด การแท้งบุตรส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ซึ่งอาการ เลือดออกทางช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด นอกจากนี้ยังอาจมีอาการของการแท้งบุตรอื่น ๆ ได้แก่
- เป็นตะคริวและปวดในช่องท้องส่วนล่าง
- มีของเหลวออกจากช่องคลอด
- อาจมีเนื้อเยื่อบางอย่างออกจากช่องคลอด
- ไม่มีอาการของคนที่กำลังตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์นอกมดลูก
การตั้งครรภ์นอกมดลูกเกิดขึ้นจากการที่ไข่ฝังตัวนอกมดลูก เช่น ฝังตัวในท่อนำไข่ อาจทำให้เป็นอันตรายได้เนื่องจากไข่ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเหมาะสม โดยปกติมักแสดงออกการออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจมีอาการเหล่านี้
- เลือดออกทางช่องคลอด
- ปวดท้องน้อยข้างเดียว
- เลือดออกทางช่องคลอด ตกขาวเป็นสีน้ำตาล
- มีอาการไม่สบายตัวเมื่อปัสสาวะหรืออุจจาระ
การมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์
การเพศสัมพันธ์ในระหว่างตั้งครรภ์อย่างไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้ปากมดลูกเกิดการบาดเจ็บ และมีเลือดออกได้ แต่โดยปกติแล้วอาการเลือดออกนี้มักไม่เป็นอันตรายอะไร
การติดเชื้อในช่องคลอด
การติดเชื้อในช่องคลอดหรือการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน โรคเริม อาจทำให้เกิดอาการเลือดออกในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
ติ่งเนื้อบริเวณปากมดลูก
เป็นก้อนเนื้อที่ยื่นออกมาจากปากมดลูก มักมีสีแดง รูปร่างยาวและนื่ม เมื่อสัมผัสจากการตรวจภายในหรือการมีเพศสัมพันธ์จะกระตุ้นให้เลือดออกได้ แต่มักไม่ใช่มะเร็ง หรืออาจมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่า 1%
สาเหตุ เลือดออกทางช่องคลอด ไตรมาสองและสาม
-
รกเกาะต่ำ
รกเกาะต่ำ หมายถึง รกที่เกาะอยู่บริเวณส่วนล่างของมดลูกหรือใกล้ปิดปากมดลูก อาจส่งผลให้เลือดออกได้
-
รกลอกตัว
รกหลุดออกจากผนังมดลูกก่อนกำหนดหรือหลุดออกระหว่างคลอด อาจเป็นอันตรายต่อแม่และลูกได้ อาจมีอาการปวดท้องและปวดหลังได้
-
มดลูกแตก
เป็นภาวะที่พบไม่บ่อยนัก เกิดขึ้นจากแผลที่เคยผ่าคลอดเกิดการฉีดขาดในระหว่างตั้งครรภ์ การแตกของมดลูกอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยอาการที่แสดงออกมาให้เห็นคือ อาการปวดท้อง และเลือดออกทางช่องคลอด
อาการ เลือดออกจากช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนดได้ เนื่องจากอาการนี้อาจเกิดขึ้นจากการที่เยื่อเมือกที่ปกคลุมปากมดลูกลอกตัวออกมา พร้อมนำเลือดบางส่วนที่ติดอยู่ออกมาด้วย หากคุณสังเกตเห็นอาการนี้ก่อนสัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที
การป้องกันอาการเลือดออกทางช่องคลอดขณะตั้งครรภ์
สำหรับการป้องกันอาการเลือดออกทางช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ คุณสามารถทำได้โดยการปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของช่องคลอดและอุ้งเชิงกราน แพทย์อาจทำการทดสอบต่าง ๆ ทั้งอัลตราซาวด์ หรือตรวจเลือดเพื่อตรวจระดับฮอร์โมนในร่างกาย และดูว่าร่างกายของคุณพร้อมที่จะตั้งครรภ์หรือไม่ นอกจากนี้ การคอยสังเกตอาการตัวเอง และเข้ารับการตรวจร่างกายจากแพทย์เป็นประจำระหว่างการตั้งครรภ์ อาจสามารถช่วยป้องกันความผิดปกติที่อาจนำไปสู่อาการ เลือดออกทางช่องคลอด ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ได้
สัญญาณความผิดปกติที่คุณควรระวังในช่วงตั้งครรภ์ ได้แก่
- ปวดท้องรุนแรงหรือปวดท้องน้อย
- มีเลือดออกอย่างรุนแรง
- มีเนื้อเยื่อไหลออกทางช่องคลอด
- อาการวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลม
- มีไข้สูง หนาวสั่น
หากเกิดอาการเหล่านี้ คุณแม่ควรเข้ารับการตรวจหาสาเหตุจากแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ได้